เทคโนโลยี

ดีอี ยืนยันข่าวจริง “กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมร้ายแรง” ขอปชช.เลือกเชื่อ-แชร์ ข้อมูลจากหน่วยงานทางการเท่านั้น

แชร์ข่าว

วันที่ 24 ธันวาคม 2568 นางสาวสุชาดา ซาง แทนทรัพย์ โฆษกกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงผลการมอนิเตอร์และรับแจ้งข่าวปลอมของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอมประเทศไทย (AFNC) ซึ่งเป็นไปตามนโยบายการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยความมั่นคงและภัยทางสังคมของนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) โดยยกระดับความสำคัญเรื่องการสร้างความตระหนักรู้เท่าทันภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือน ทั้งนี้ในวันที่ 22 ธันวาคม 2568 AFNC ได้ตรวจสอบพบข้อความทั้งหมด 166,005 ข้อความ โดยมีข้อความที่ต้องดำเนินการตรวจสอบ (Verify) ทั้งสิ้น 3,863 ข้อความ สำหรับช่องทางที่มีการพบเบาะแสมากที่สุดคือ ข้อความที่มาจาก Social Listening 3,863 ข้อความ โดยเป็นเรื่องที่ต้องดำเนินการตรวจสอบทั้งหมด 23 เรื่อง ได้รับผลการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 13 เรื่อง ในจำนวนนี้เป็นข่าวที่ได้รับความสนใจจากประชาชนมากที่สุด 7 เรื่อง ซึ่งเป็นข่าวจริง 2 เรื่อง ข่าวปลอม 2 เรื่อง และข่าวบิดเบือน 3 เรื่อง ได้แก่

อันดับที่ 1 ข่าวจริง : เรื่อง กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าสู่ทุ่งสังหาร ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมร้ายแรง

อันดับที่ 2 ข่าวปลอม : เรื่อง เพจ Pratchaya Sarata รับทำใบขับขี่ออนไลน์ถูกกฎหมาย ไม่ต้องไปสอบเองที่ขนส่ง

อันดับที่ 3 ข่าวบิดเบือน : เรื่อง ไทยมีเจตนารุกล้ำอธิปไตยและโจมตีโบราณสถาน ที่กัมพูชาตั้งเป็นฐานปฏิบัติการ

อันดับที่ 4 ข่าวจริง : เรื่อง กองทัพเรือ เปิดให้ทางการกัมพูชาเข้ารับร่างทหารผู้เสียชีวิต แต่ยังไร้การติดต่อกลับ

อันดับที่ 5 ข่าวบิดเบือน : เรื่อง ภูมิแพ้ จมูกตันมักเกิดตอนเช้า เพราะกลางคืนมี Cortisol ต่ำ และเม็ดเลือดขาวปล่อยสารก่ออักเสบ

อันดับที่ 6 ข่าวปลอม : เรื่อง Café Amazon เปิดบัญชีไลน์ Amazon.Official

อันดับที่ 7 ข่าวบิดเบือน : เรื่อง เช็กสัญญาณเตือนโรคหัวใจและหลอดเลือดอุดตันได้จากจุดสังเกตบนใบหน้า

สำหรับอันดับ 1 เป็นข่าวจริง : เรื่อง “กัมพูชาใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ล่อทหารไทยเข้าสู่ทุ่งสังหาร ฝ่าฝืนกฎหมายมนุษยธรรมร้ายแรง” กระทรวงดีอี ได้ประสานงานร่วมกับ กองทัพเรือ กระทรวงกลาโหม ยืนยันเป็น “ข่าวจริง” โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้เข้าควบคุมและตรวจสอบพื้นที่ บ้านหนองรี และ บ้านท่าเส้น ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ฝ่ายกัมพูชาเคยเข้ายึดครองและใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหาร ตรวจพบวัตถุพยานจำนวนมากที่ไม่อาจปฏิเสธได้ อันแสดงถึงการวางแผนและการกระทำโดยเจตนาในการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ได้แก่ แผนผังแสดงตำแหน่งการฝังทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และทุ่นระเบิดดัดแปลงในพื้นที่บ้านหนองรี คลังอาวุธและทุ่นระเบิดสังหารบุคคลแบบดัดแปลงในพื้นที่บ้านท่าเส้น (กาสิโนทมอดา) ซึ่งยืนยันว่า ฝ่ายทหารกัมพูชาได้เข้าไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่ที่มีพลเรือนอาศัยอยู่ โดยมีการครอบครองและการใช้อาวุธต้องห้ามดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรม

ทั้งนี้การกระทำดังกล่าว ส่งผลให้กำลังพลทหารไทยได้รับบาดเจ็บจากทุ่นระเบิดสังหารบุคคลเป็นรายที่ 8 ซึ่งถือเป็นผลโดยตรงจากการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง และเป็นการคุกคามต่อชีวิตมนุษย์โดยไม่เลือกเป้าหมาย ทั้งต่อทหารและประชาชนผู้บริสุทธิ์

สำหรับการใช้ การวาง และการคงไว้ซึ่งทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในลักษณะดังกล่าว เป็นการฝ่าฝืนอนุสัญญาออตตาวาอย่างชัดเจน และเป็นพฤติการณ์ที่ไม่อาจยอมรับได้ในประชาคมระหว่างประเทศ กองทัพเรือจะดำเนินการรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดอย่างเป็นระบบ เพื่อใช้ประกอบการดำเนินการในระดับรัฐต่อไป รวมถึงการแจ้งต่อประชาคมระหว่างประเทศและองค์กรที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้รับทราบถึงการละเมิดอย่างต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชา

อย่างไรก็ตาม กระทรวงดีอี มีความห่วงใยประชาชน เรื่องความตระหนักรู้เท่าทันข่าวปลอมที่ถูกแพร่กระจายบนสื่อออนไลน์ โซเชียล ซึ่งหากขาดความรู้เท่าทัน ส่งต่อข้อมูลข่าวปลอม ทำให้เกิดการหลงเชื่อ สร้างความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน สร้างความเสียหายต่อทรัพย์สิน หรือข้อมูลส่วนบุคคล และอาจส่งผลกระทบต่อประชาชนในสังคมเป็นวงกว้าง โดยขอให้ประชาชนเลือกเชื่อ เลือกแชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ซึ่งได้รับการเผยแพร่จากหน่วยงานที่เป็นทางการเท่านั้น และควรตรวจสอบข้อเท็จจริงของข่าวหรือลิงก์เว็บไซต์ให้แน่ชัด

หากประชาชน พบข่าวน่าสงสัย ข้อมูลบิดเบือน สามารถแจ้งเบาะแส และตรวจสอบข่าวปลอมได้ที่ โทรสายด่วน 1111 ต่อ 87 (24 ชม.) หรือที่

| เว็บไซต์ www.antifakenewscenter.com

| Line ID: @antifakenewscenter

| Facebook : Anti-Fake News Center Thailand

| X : @AFNCThailand

| TikTok : @antifakenewscenter

| IG : afnc_thailand/

-------------------------------------------------------------------------------------