เทคโนโลยี

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานใหญ่อัปเดตนวัตกรรม NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เปิดมุมมองโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ แห่งปี 2026

แชร์ข่าว

อินเตอร์ลิ้งค์ฯ จัดงานใหญ่อัปเดตนวัตกรรม NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เปิดมุมมองโครงสร้างพื้นฐานยุคใหม่ แห่งปี 2026 ก้าวข้ามขีดจำกัดเดิม ชูมาตรฐานเหนือชั้น เตรียมรองรับเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งอนาคต

พรมแดนใหม่แห่งเทคโนโลยี ขั้นกว่าแห่งศักยภาพ บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น ไม่หยุดนิ่งในการพัฒนา จัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับอัปเดตเทรนด์เทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อกับงาน NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY เปิดเวทีถ่ายทอดภาพรวมทิศทางเทคโนโลยี ที่เป็นจุดรวมทุกความล้ำหน้า และอนาคต พร้อมฉายโซลูชันด้าน Digital Infrastructure ที่ทรงพลัง และมีมาตรฐานเหนือกว่า พลิกโฉมเตรียมรับเศรษฐกิจโลกที่กำลังก้าวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างเข้มข้นแห่งปี 2026 ที่โรงแรม ดิ แอทธินี โฮเทลแบงค็อก, อะ ลักซ์ชูรี คอลเล็คชั่น โฮเทล

วันนี้ (17 ธันวาคม 2568) บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) ในฐานะเป็นผู้นำเข้า และจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ LINK AMERICAN CABLING จากประเทศสหรัฐอเมริกา ตอบโจทย์ทุกการเชื่อมต่อของการสื่อสารอย่างไร้ขีดจํากัด ด้วยสายสัญญาณ LAN, สาย FIBER OPTIC, สาย COAXIAL, สาย SOLAR, และสาย SECURITY & CONTROL และอีกมากมาย โดยมี การรับประกันผลิตภัณฑ์ 30 ปี จัดงานยิ่งใหญ่ส่งท้ายปีกับงาน NEXT TECH : THE FUTURE OF TECHNOLOGY : OPEN LAB UPDATE INNOVATION สะท้อนแนวคิด “OPEN LAB” โดยการเปิดพื้นที่แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐาน ตั้งแต่ระบบสายสัญญาณมาตรฐานสากลที่ครบวงจรโซลูชัน เครือข่ายความเร็วสูง ศูนย์ข้อมูล (DATA CENTER) ไปจนถึงอุปกรณ์ เครื่องมือ ที่จะมาตอบโจทย์โครงสร้าง และรองรับการทำงานของเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น AI, CLOUD COMPUTING, BIG DATA เป็นต้น โดย LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK ได้นำประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญจากการพัฒนาโซลูชันที่เหนือกว่าในระดับอุตสาหกรรม มาถ่ายทอดเป็นมุมมองเชิงกลยุทธ์ที่เชื่อมโยงเทคโนโลยีกับการเติบโตทางเศรษฐกิจดิจิทัล

ภายในงานนี้ ได้รับเกียรติจากผู้เชี่ยวชาญจาก LINK AMERICAN และ 19” Germany Export Rack มาร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกในหลากหลายสาขาโซลูชัน โดยมี นายธนากร ชนะวงศ์วิสุทธิ์ Network Engineering Manager ได้ร่วมถ่ายทอดองค์ความรู้อย่างมืออาชีพด้าน Data Center Interconnect Solution อธิบายถึงโครงสร้างระบบ และเทคโนโลยีสำคัญที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างดาต้าเซ็นเตอร์ยุคใหม่ ซึ่งต้องรองรับความเสถียร ความเร็วสูง และความปลอดภัยในระดับองค์กร ครอบคลุมตั้งแต่ระดับอุปกรณ์ไปจนถึงการบริหารจัดการเครือข่าย เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจแบบองค์รวม พร้อมทั้งเน้นย้ำถึงสาระสำคัญของการลงทุนด้านเทคโนโลยีในปัจจุบันที่ไม่อาจพิจารณาเพียงอุปกรณ์ปลายทาง หรือ ซอฟต์แวร์ แต่จำเป็นต้องให้ความสำคัญกับโครงสร้างพื้นฐานที่อยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะระบบสายสัญญาณ และ DATA CENTER ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายจากปริมาณข้อมูลที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ความต้องการความเร็วระดับ 400G – 800G รวมถึงการออกแบบระบบที่ต้องรองรับการขยายตัวในระยะยาวอย่างมีประสิทธิภาพ

นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอแนวคิดการออกแบบระบบสายสัญญาณ และโครงสร้างเครือข่ายยุคใหม่ที่พัฒนาภายใต้มาตรฐานระดับสากล โดยใช้ Fiber Optic เป็นแกนหลักของการเชื่อมต่อ ตอกย้ำมาตรฐานคุณภาพของโซลูชัน DOUBLE Q SERIES : Fiber Optic Cabling Solution เทคโนโลยีสายใยแก้วนำแสงที่ได้รับการออกแบบ และพัฒนา เพื่อรองรับความต้องการด้านการสื่อสารในยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง โดยนำเสนอภาพรวมของระบบโครงสร้างพื้นฐานที่ก้าวล้ำในทุกมิติ ทั้งด้านความแข็งแรง ทนทาน ความเสถียร และความคงทนของสัญญาณ รวมถึงศักยภาพในการรองรับแบนด์วิดท์ความเร็วสูง เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การใช้งานที่ต้องการความเร็ว ความเสถียร และความต่อเนื่องในการเชื่อมต่อในระดับสูงสุด เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดข้อจำกัดด้านระยะทาง และสัญญาณรบกวน พร้อมรองรับการอัปเกรดเทคโนโลยีในอนาคตโดยไม่ต้องปรับเปลี่ยนโครงสร้างระบบหลัก ซึ่งช่วยให้องค์กรสามารถบริหารต้นทุนการลงทุนได้อย่างคุ้มค่า และลดความเสี่ยงในระยะยาว อีกทั้ง ยังได้ร่วมนำเสนอความเชี่ยวชาญ ด้านโซลูชันครบวงจรของ FTTR SERIES 1008 : FTTR/FTTH CABLING SOLUTION ซึ่งเป็นโซลูชันที่รองรับทั้งงานติดตั้งในอาคาร บ้านพักอาศัย รวมถึงโครงการเชิงพาณิชย์ เน้นให้ความเข้าใจถึงโครงสร้าง การใช้อุปกรณ์ และการออกแบบระบบที่ถูกต้องตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดของการส่งสัญญาณในทุกสถานการณ์

อีกหนึ่งไฮไลต์สำคัญที่นำเสนอภายในงาน คือ TRANSCEIVER CLINIC FOR ALL นวัตกรรมด้าน Optical Transceiver ที่บริษัทฯ พัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์การใช้งานในหลากหลายอุตสาหกรรม ด้วยจุดเด่นที่ผสานทั้งประสิทธิภาพการทำงาน และความคุ้มค่าอย่างลงตัว ซึ่งนับเป็นองค์ประกอบสำคัญของการเชื่อมต่อข้อมูลความเร็วสูงในศูนย์ข้อมูลยุคใหม่ โดยได้มีการนำเสนออุปกรณ์ และโซลูชันที่สามารถทำงานร่วมกับอุปกรณ์เครือข่ายจากหลากหลายแบรนด์ รองรับการใช้งานจริงในองค์กรขนาดใหญ่ พร้อมบริการ LINK Transceiver Clinic for ALL ที่ช่วยลดข้อจำกัดด้านความเข้ากันได้ของระบบ เพิ่มความเสถียรภาพ และเสริมความมั่นใจในการใช้งานเชิงพาณิชย์ ชูจุดแข็งด้านบริการหลังการขายที่ครอบคลุม เพื่อสร้างความมั่นใจในทุกการใช้งาน ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ และบริการทั้งหมดกล้าการันตีคุณภาพผ่าน 3 มาตรฐานสำคัญ ได้แก่

ALL COMPATIBLE รองรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์หลากหลายแบรนด์ได้อย่างไร้รอยต่อ

3 DAY DELIVERY บริการจัดส่งภายใน 3 วัน ช่วยลดความเสี่ยง และลดระยะเวลาหยุดชะงักของระบบ

3 YEAR WARRANTY การรับประกันยาวนาน 3 ปี เพิ่มความเชื่อมั่น และความคุ้มค่าในระยะยาว

ขณะเดียวกัน นายกาญจน เลี่ยมสืบเชื้อ Product Engineer หนึ่งในผู้เชี่ยวชาญด้าน ตู้ 19" GERMANY EXPORT RACK ร่วมให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการพัฒนา ที่ต้องการยกระดับมาตรฐานงานติดตั้งระบบโครงสร้างพื้นฐานเครือข่าย โดยชูจุดเด่นด้านวัสดุพรีเมียมภายใต้มาตรฐานเยอรมัน โครงสร้างแข็งแรง รองรับน้ำหนักได้อย่างมั่นคง ดีไซน์ใหม่ที่ใช้งานสะดวก ทั้งระบบระบายอากาศ การจัดการความร้อน การไหลเวียนอากาศ ช่องเดินสายเป็นระเบียบ รองรับการขยายอุปกรณ์ในอนาคต พร้อมรูปลักษณ์ทันสมัย เหมาะสำหรับงานดาต้าเซ็นเตอร์ งานองค์กร และระบบขนาดใหญ่ ตอบโจทย์ความทนทาน และการใช้งานระดับสากล รวมถึงให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของระบบ ด้วยมาตรฐานการผลิตที่สั่งสมมากว่า 30 ปี พร้อมการรับประกันระยะยาว ซึ่งนับว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับองค์กรที่ต้องการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานอย่างยั่งยืนอีกด้วย

นอกจากนี้ ความก้าวหน้าด้านสายสัญญาณ และเทคโนโลยีที่จะเชื่อมโยงอนาคต ได้รับเกียรติจาก นายธุวานนท์ สิงห์ขจร Product Specialist ร่วมชี้แนะถึงระบบสายสัญญาณที่เป็นส่วนสำคัญแห่งการเชื่อมต่อ ทั้ง LAN CABLING SOLUTION : UTP CAT 6A Super-S Series ชูจุดเด่นของรุ่น Super-S Series ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์การใช้งานในยุคดิจิทัล ภายใต้แนวคิด SMART, SMALL, SAVE ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นในการติดตั้ง ยกระดับประสิทธิภาพการส่งสัญญาณ และลดต้นทุนทั้งด้านเวลา และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังได้บรรยายเชิงลึกเกี่ยวกับกลุ่มสินค้า SOLAR CABLING SOLUTION ซึ่งเป็นโซลูชันที่ได้รับความเชื่อมั่นอย่างกว้างขวางจากอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ โดยเน้นย้ำถึงคุณสมบัติของสายที่ผ่านการทดสอบตามมาตรฐาน AD8 สามารถรองรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ท้าทายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งในโครงการ Solar Farm, Solar Rooftop และ Floating Solar Farm ที่ต้องเผชิญกับความร้อนสูง ความชื้น แสงแดดจัด รวมถึงการเสื่อมสภาพจากการใช้งานระยะยาว ซึ่งโซลูชันดังกล่าว ได้รับการออกแบบเพื่อเพิ่มความปลอดภัย ความเสถียรของระบบ และมีอายุการใช้งานของโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน รองรับการขยายระบบในอนาคต และช่วยลดต้นทุนการบำรุงรักษา ตอบโจทย์การพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียนที่ต้องการความมั่นคงและความคุ้มค่าในระยะยาวอย่างแท้จริง

นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการ บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ฯ ได้ร่วมเป็นเกียรติยกระดับนวัตกรรมอย่างใกล้ชิดกับผู้ร่วมงาน และกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “โลกได้กำลังก้าวเข้าสู่ยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลเป็นรากฐานสำคัญอย่างยิ่งของระบบเศรษฐกิจ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการเชื่อมต่อ และการมีศูนย์สำรองข้อมูล Data Center ที่เสถียร จึงไม่ใช่เพียงเรื่องของเทคโนโลยี แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่ออนาคตที่มีคุณภาพ ซึ่งงาน NEXT TECH ได้ถูกจัดขึ้น เพื่อต้องการให้เห็นถึงความจำเป็นที่ต้องให้ความสำคัญของระบบโครงสร้างพื้นฐาน ที่ต้องเลือกใช้สินค้า และอุปกรณ์ที่ครบโซลูชัน เพื่อการเชื่อมต่อสื่อสารที่มากคุณภาพ ที่ผมตั้งใจถ่ายทอดความรู้ แนวคิด และนวัตกรรมที่เราไม่เคยหยุดนิ่งในการพัฒนา ซึ่งนับว่าเป็นชิ้นส่วนสำคัญที่จะช่วยให้องค์กรสามารถวางรากฐานระบบได้อย่างถูกต้อง และมีประสิทธิภาพสูงสุด พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาว ซึ่ง LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK มีความพร้อมที่มั่นคง และพร้อมที่จะเป็นพันธมิตรในการสนับสนุน หรือ เป็นผู้อยู่เบื้องหลังของการเชื่อมต่อที่มีเสถียรภาพอย่างไร้ที่ติ เคียงข้างการเติบโตของธุรกิจไทยในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ทั้งในปัจจุบัน และในอนาคตต่อไป”

นับว่างานนี้ บริษัทฯ มีความมุ่งมั่นอย่างยิ่งที่ต้องการอัปเดต ร่วมกับต้องการให้เห็นทิศทางเทคโนโลยีสายสัญญาณ และโซลูชันใหม่ ๆ ที่กำลังจะเข้ามามีบทบาทในภาคธุรกิจ และอุตสาหกรรมในปี 2026 ซึ่งจะครอบคลุมทั้งระบบเครือข่ายความเร็วสูง อาคารอัจฉริยะ ระบบ Automation และโครงสร้างพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมเฉพาะทาง โดยทุกโซลูชันถูกออกแบบ และสามารถใช้งานจริงได้อย่างเสถียร และทรงประสิทธิภาพ มาพร้อมกับความคุ้มค่าในการลงทุน และการรองรับการเติบโตของเศรษฐกิจดิจิทัลในระยะยาว และเป็นเวทีสำคัญที่สะท้อนบทบาทของเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานในฐานะกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัล และตอกย้ำทิศทางของ LINK AMERICAN CABLING และ GERMAN RACK ในการพัฒนาโซลูชันที่มีมาตรฐานเหนือกว่า เพื่อตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจ เทคโนโลยีในอนาคตต่อไปได้อย่างยั่งยืน

ข่าวแนะนำ