ลาลามูฟ แพลตฟอร์มให้บริการขนส่งด่วนและบริการรับส่งผู้โดยสารแบบออนดีมานด์ เปิดเผยผลสำรวจล่าสุด ซึ่งจัดทำขึ้นระหว่างเดือนกันยายนถึงตุลาคม ในกลุ่มผู้ประกอบการ SME ไทยกว่า 700 ราย โดยผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า ผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังมีความกังวลต่อสภาพเศรษฐกิจในปี 2569 โดยกว่า 53% ระบุว่า สภาวะเศรษฐกิจในปี 2569 ยังไม่แน่นอน ส่งผลให้ผู้ประกอบการต้องให้ความสำคัญกับการบริหารต้นทุนอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านโลจิสติกส์ซึ่งยังคงเป็นหนึ่งในความท้าทายหลักของปีหน้า
ลาลามูฟตอกย้ำบทบาท “พาร์ทเนอร์ด้านบริการขนส่ง” ที่ช่วยขับเคลื่อน SME ไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
ลาลามูฟยังคงมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ประกอบการ SME ไทยปรับตัวและเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจระบุว่า 92.8% ของผู้ประกอบการ มองว่าลาลามูฟช่วยส่งเสริมการเติบโตของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นการช่วยลดภาระต้นทุนด้านโลจิสติกส์ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการงานจัดส่ง รวมถึงการขยายบริการให้ครอบคลุมยิ่งกว่าเดิม นอกจากนี้ กว่าครึ่งของผู้ประกอบการยังใช้แพลตฟอร์มลาลามูฟในการเปิดให้บริการใหม่ ๆ เช่น บริการจัดส่งภายในวันเดียวหรือภายใน 3 ชั่วโมง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าโซลูชันที่มีความยืดหยุ่นของลาลามูฟช่วยให้ SME สามารถรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันในตลาด ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในยุคปัจจุบันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เทรนด์ SME ไทย: อีคอมเมิร์ซยังเติบโตแรง ขณะที่ต้นทุนเป็นปัจจัยกำหนดทิศทางธุรกิจ
ในประเทศไทย ผู้ประกอบการ SME ที่ใช้บริการลาลามูฟส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจในกลุ่มค้าปลีกออนไลน์ (26.9%) รองลงมาคืออุตสาหกรรมการผลิต (14.4%) และธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม (11%) สะท้อนให้เห็นว่าบริการขนส่งแบบออนดีมานด์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญในการดำเนินธุรกิจของหลากหลายอุตสาหกรรม ช่วยสนับสนุนการเติบโตและเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันในเศรษฐกิจดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม แม้ความต้องการใช้บริการขนส่งจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ “ต้นทุนด้านโลจิสติกส์” ก็ยังเป็นความท้าทายสำคัญที่ SME ไทยต้องรับมือในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย 40.4% ของผู้ประกอบการมองว่าปัญหาเร่งด่วนที่ควรได้รับการแก้ไขเป็นลำดับแรกคือปัญหาค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งและโลจิสติกส์ ขณะเดียวกัน 78.1% ของ SME เห็นตรงกันว่าบริการขนส่งที่ราคาคุ้มค่าและเข้าถึงได้คือปัจจัยหลักที่ช่วยผลักดันความสำเร็จของธุรกิจ
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับ “โครงสร้างราคาที่โปร่งใส ไม่มีค่าบริการแอบแฝง” รองลงมาคือ “ราคาที่คุ้มค่า เข้าถึงได้” และ “มาตรฐานความปลอดภัยในการขนส่ง” เมื่อมองหาพาร์ทเนอร์ด้านการขนส่ง ซึ่งทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า การมีพาร์ทเนอร์ที่สามารถช่วยบริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย แต่ยังเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้ธุรกิจรักษาความสามารถในการแข่งขัน ท่ามกลางสภาพตลาดที่ผันผวนและเปลี่ยนแปลงรวดเร็วในปัจจุบัน
นายเบน ลิน กรรมการผู้จัดการ ลาลามูฟ ประเทศไทย กล่าวว่า ลาลามูฟเข้าใจถึงความท้าทายที่ผู้ประกอบการ SME ต้องเผชิญ และเรายังคงมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดเวลา บริหารต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และขยายการเติบโตได้อย่างคล่องตัว ผ่านโซลูชันด้านการขนส่งที่เชื่อถือได้และเหมาะกับทุกความต้องการ ด้วยประเภทรถที่ครอบคลุมตั้งแต่รถจักรยานยนต์ไปจนถึงรถกระบะ พร้อมระบบติดตามสถานะแบบเรียลไทม์และพาร์ทเนอร์คนขับมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดส่งสินค้าได้อย่างมั่นใจและมีประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน และเราจะเดินหน้าพัฒนาบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อเป็นพาร์ทเนอร์ที่อยู่เคียงข้าง SME ในทุกช่วงการเติบโต
สำหรับผู้ประกอบการ SME ที่สนใจร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับลาลามูฟ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.lalamove.com/th-th/








