นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า การจัดอันดับธุรกิจครั้งนี้ประเมินจากปัจจัยเศรษฐกิจและความเสี่ยงสำคัญ อาทิ สงครามการค้า โดยเฉพาะผลกระทบจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ แนวโน้มการส่งออกโลก ความเสี่ยงด้านการท่องเที่ยว ทิศทางอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทย ซึ่งมีผลต่อเงินทุนเคลื่อนย้าย ค่าเงินบาท และการตัดสินใจลงทุนของต่างชาติ รวมถึงปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ที่ต้องเร่งฟื้นฟู สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา และเสถียรภาพทางการเมืองในประเทศ โดยคาดว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดจากการเลือกตั้งราว 40,000-60,000 ล้านบาท เข้ามาพยุงเศรษฐกิจบางส่วน
นายธนวรรธน์กล่าวว่า ศูนย์ฯ ประเมินภาพรวมเศรษฐกิจไทยในปี 2569 จะขยายตัวเพียงร้อยละ 1.6 การส่งออกมีแนวโน้มหดตัวร้อยละ 1 อัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำที่ร้อยละ 0.50 การลงทุนโดยรวมอยู่ที่ร้อยละ 20 ขณะที่สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพียังคงสูงถึงร้อยละ 84.2 ปัจจัยเหล่านี้ทำให้เทรนด์ธุรกิจในปี 2569 จะให้ความสำคัญกับเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) ควบคู่กับธุรกิจด้านสุขภาพและดิจิทัล ซึ่งจะเป็นกลไกสำคัญในการสร้างโอกาสการเติบโตท่ามกลางข้อจำกัดทางเศรษฐกิจ
นายวชิร คูณทวีเทพ ผู้อำนวยการสถาบันยุทธศาสตร์การค้า มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลการจัดอันดับ 10 ธุรกิจดาวรุ่งในปี 2569 ว่า กลุ่มธุรกิจที่มีศักยภาพเติบโตสูงสุดยังคงเป็นธุรกิจที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล โดยอันดับหนึ่ง ได้แก่ ธุรกิจคลาวด์เซอร์วิสและธุรกิจบริการด้านไซเบอร์ซีเคียวริตี้ ควบคู่กับธุรกิจโซเชียลมีเดียและความบันเทิงออนไลน์ ซึ่งได้รับคะแนนสูงสุด 94.9 คะแนนจากเต็ม 100 คะแนน สะท้อนความต้องการใช้ระบบคลาวด์ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล และการป้องกันความเสี่ยงทางไซเบอร์ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางการขยายตัวของเศรษฐกิจดิจิทัลและพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใช้ชีวิตบนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น
รองลงมา อันดับสอง คือธุรกิจจัดทำคอนเทนต์ ธุรกิจยูทูบเบอร์ การรีวิวสินค้า และอินฟลูเอนเซอร์ รวมถึงธุรกิจโทรคมนาคมและการสื่อสาร เช่น ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตและสัญญาณสื่อสารต่าง ๆ ตลอดจนธุรกิจนายหน้าออนไลน์และการขายสินค้าออนไลน์ ได้คะแนนใกล้เคียงกันที่ 94.5 คะแนน ขณะที่อันดับสาม ได้แก่ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และธุรกิจความเชื่อหรือสายมู อาทิ หมอดู ฮวงจุ้ย ได้คะแนน 93.7 คะแนน สะท้อนการเติบโตทั้งจากการค้าขายผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัลและพฤติกรรมการบริโภคเชิงความเชื่อที่ยังคงมีบทบาทในสังคมไทย
อันดับสี่ ประกอบด้วยธุรกิจการแพทย์และความงาม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ธุรกิจเงินด่วน โรงรับจำนำ และธุรกิจเอไอ ได้คะแนน 93.1 คะแนน ตามมาด้วยอันดับห้า ซึ่งเป็นธุรกิจโลจิสติกส์ ดีลิเวอรี่ และคลังสินค้า ธุรกิจสตรีทฟู้ดและตลาดนัดกลางคืน รวมถึงธุรกิจสัตว์เลี้ยง ทั้งการจำหน่ายอาหาร อุปกรณ์ แฟชั่น และการดูแลสัตว์ ได้ 92.6 คะแนน สะท้อนการฟื้นตัวของกิจกรรมเศรษฐกิจในชีวิตประจำวันและการใช้จ่ายของผู้บริโภค
สำหรับอันดับหก ได้แก่ ธุรกิจพลังงานทดแทน เช่น โซลาร์เซลล์ และธุรกิจอาหารเสริมเพื่อสุขภาพและความงาม ได้คะแนน 91.5 คะแนน อันดับเจ็ด คือธุรกิจที่ปรึกษาด้านการลงทุนหรือการวางแผนทางการเงิน และธุรกิจเกม ได้ 90.9 คะแนน ขณะที่อันดับแปด เป็นธุรกิจให้บริการและติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจการเงินการธนาคาร ฟินเทค และระบบการชำระเงินผ่านเทคโนโลยี รวมถึงธุรกิจเทคโนโลยีด้านการศึกษา ได้ 90.1 คะแนน
ส่วนอันดับเก้า ได้แก่ ธุรกิจประกันภัยและประกันชีวิต ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์ และธุรกิจที่ปรึกษาด้านสิ่งแวดล้อม ได้ 89.3 คะแนน และอันดับสิบ คือธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า ธุรกิจการบิน ธุรกิจร้านเสริมสวย การต่อผม ต่อเล็บ ธุรกิจดูแลสุขภาพเส้นผม ธุรกิจตู้หยอดเหรียญเครื่องดื่ม อาหาร และเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ รวมถึงธุรกิจด้านกีฬา เช่น การให้บริการสนามและอุปกรณ์กีฬา ได้คะแนน 89.1 คะแนน
อย่างไรก็ตาม ยังพบว่าธุรกิจที่เคยเป็นดาวเด่นในปี 2568 หลายกลุ่มไม่ติดอันดับในปี 2569 ได้แก่ ธุรกิจซอฟต์พาวเวอร์ เช่น ซีรีส์และภาพยนตร์ ธุรกิจโฆษณาและสื่อออนไลน์ งานคอนเสิร์ต มหกรรมจัดแสดงสินค้า และธุรกิจอีเวนต์ ธุรกิจให้บริการผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น แม่บ้านรายวัน การซ่อมแซมอุปกรณ์ รวมถึงผับ บาร์ คาราโอเกะ คลินิกกายภาพบำบัด ธุรกิจท่องเที่ยว โรงแรม ทัวร์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่อง ตลอดจนธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับบัญชีและกฎหมาย และโรงพยาบาลหรือคลินิกสัตว์
สำหรับธุรกิจดาวร่วงในปี 2569 ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจดั้งเดิมที่ถูกพฤติกรรมผู้บริโภคและเทคโนโลยีใหม่เข้ามาแทนที่ พบว่า อันดับหนึ่ง คือร้านให้บริการอินเทอร์เน็ตหรืออินเทอร์เน็ตคาเฟ่ และธุรกิจจำหน่ายหรือผลิตอุปกรณ์บันทึกข้อมูล ได้คะแนนต่ำสุดเพียง 7.5 คะแนน
อันดับสอง คือร้านขายหนังสือ แผงหนังสือ และสื่อสิ่งพิมพ์ 8.3 คะแนน อันดับสาม ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ที่ไม่มีแพลตฟอร์มออนไลน์และธุรกิจส่งหนังสือพิมพ์ 9.5 คะแนน อันดับสี่ ร้านโชห่วย 10.2 คะแนน และอันดับห้า ธุรกิจผลิตสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่ม 11.7 คะแนน
ส่วนอันดับที่เหลือในกลุ่มดาวร่วง ได้แก่ ธุรกิจถ่ายเอกสาร 13.6 คะแนน ธุรกิจเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบดั้งเดิมที่ขาดการออกแบบและนวัตกรรม 14.5 คะแนน ธุรกิจของเล่นเด็ก 15.5 คะแนน ธุรกิจร้านถ่ายรูปและล้างอัดภาพแบบดั้งเดิม 16.0 คะแนน และธุรกิจรถยนต์มือสอง ซึ่งได้ 17.8 คะแนน สะท้อนแรงกดดันจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เทคโนโลยี และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นต่อธุรกิจรูปแบบดั้งเดิมอย่างชัดเจน







