วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 กระทรวงคมนาคม นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (บอร์ด EEC) ประชุมหารือแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) มูลค่ากว่า 224,544 ล้านบาท โดยมีผู้เกี่ยวข้องเข้าร่วม อาทิ กระทรวงคมนาคม ,สำนักงานคณะกรรมการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) หรือสกพอ. ,การการรถไฟแห่งประเทศไทย , ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด และ บริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด ในฐานะผู้รับสัมปทาน
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ทางเอกชนยืนยันว่า ต้องมีการแก้ไขสัญญาโครงการ ส่วน EEC ไม่ได้ขัดข้อง เพราะต้องการให้โครงการเดินหน้าสำเร็จ ในส่วนกระทรวงคมนาคมนั้นก็ดูว่าการแก้ไขสัญญาร่วมทุนนี้ จะตอบโจทย์ในประเด็นการให้เอกชนร่วมลงทุนตั้งแต่แรกได้จริงหรือไม่ คือการที่รัฐเปิดให้เอกชนยื่นซองประมูลโครงการแบบ PPP ดังนั้นการแก้ไขสัญญาแบบนี้ คือ ชำระค่าร่วมทุนตามงวดงาน ถือว่ายังเป็นการดำเนินการอยู่ภายใต้ PPP อยู่หรือไม่ ซึ่งจากการหารือ ทางสำนักงานอัยการสูงสุด ไม่ได้ชี้ว่าผิดหรือถูก แต่หากเป็นความเห็นส่วนตัวผม ยังยืนยันว่าไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขสัญญาโครงการเป็นสร้างไป จ่ายไป เหมือนงานทั่วไป แล้วจะเรียกว่าเป็นโครงการ PPPได้อย่างไร
“การหารือร่วมกัน 5 ฝ่ายวันนี้ ยังไม่ได้ข้อสรุปอะไร แต่ที่เห็นตรงกันคือ จะนำเรื่องการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน เสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาชี้ขาด ซึ่งก่อนเสนอครม.จะต้องขอความเห็นชอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงบประมาณ, กระทรวงการคลัง เป็นต้น โดยตามขั้นตอนหลังจากนี้ ทาง EEC จะรวบรวมข้อมูลเพื่อนำเสนอบอร์ด EEC เห็นชอบก่อน คาดว่าจะประชุมกันในช่วงปลายเดือนพ.ย.นี้ จากนั้นจะเร่งนำเสนอครม.โดยเร็วที่สุด”
ส่วนการเสนอให้เอกชนก่อสร้างเส้นทางต่อไปถึง จ.ตราดนั้น นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เป็นการโยนโจทย์ไปให้คิด ซึ่งเอกชนต้องลงทุนเอง และเป็นสัญญาพ่วงไปเป็นอีกสัญญาหนึ่ง อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเห็นว่า หากมีการก่อสร้างส่วนต่อขยายนี้จะทำให้โครงการนี้ดึงคนมาใข้มากขึ้น รวมถึงสร้างแรงจูงใจให้คนบินมาสนามบินอู่ตะเภามากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ทาง ซี.พี. รับฟังเท่านั้น ไม่ได้ตอบรับอะไร และการเสนอครม.ครั้งนี้ จะยังไม่มีเรื่องต่อขยายถึง จ.ตราด
ด้านแหล่งข่าวจากบริษัท เอเชีย เอรา วัน จำกัด กล่าวว่า ยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะเดินหน้าโครงการ และยอมรับว่าเตรียมความพร้อมแล้ว แต่หยุดชะงักมานานหลายปี คาดว่าโครงการจะสามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ภายในช่วงกลางปี 2569 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ครม.ด้วย








