พลังงาน ความยั่งยืน

TCMA ชูศักยภาพ “Co-Processing” หนุนเป้าหมาย NDC 3.0

แชร์ข่าว

สมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย (TCMA) ตอกย้ำความมุ่งมั่นนำอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทยสู่เป้าหมาย Net Zero 2050 ชูศักยภาพกระบวนการ “เผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ Co-Processing in Cement Kiln” ควบคู่ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) กลไกสำคัญช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก พร้อมต่อยอดองค์ความรู้ผ่านการถอดบทเรียนจากประเทศเม็กซิโก เสริมสร้างความร่วมมือระดับสากล สนับสนุนการขับเคลื่อน NDC 3.0 ของไทยอย่างเป็นรูปธรรม

 

ดร.ชนะ ภูมี นายกสมาคมอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ไทย และรองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการเข้าร่วมประชุม 2025 GCCA CEO Gathering and Leaders Conference & Circular Cities Summit ณ ประเทศเม็กซิโก ว่า หนึ่งในประเด็นสำคัญของการประชุม คือ Regenerative Model การสร้างมูลค่าเพิ่มจากวัสดุเหลือใช้ การใช้ทรัพยากรหมุนเวียน (Circularity) และการจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้ว (Waste) ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งช่วยเสริมทั้งเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม

 

กรณีตัวอย่างจากบริษัท CEMEX S.A.B. de C.V. ผู้ผลิตปูนซีเมนต์รายสำคัญของโลก ซึ่งร่วมมือกับรัฐบาลเม็กซิโก ในการบริหารจัดการของเสียเทศบาล (Municipal Waste) เพื่อนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงทดแทนในสัดส่วนกว่า 30% ผ่านการใช้ประโยชน์ร่วมกับกระบวนการ Co-Processing สะท้อนศักยภาพของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์สามารถช่วยจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วด้วยกระบวนการที่ปลอดภัย ลดภาระค่าใช้จ่ายด้านการจัดการขยะ ลดพื้นที่ฝังกลบตามแนวทาง Zero Landfill และส่งเสริมโมเดลธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ขณะเดียวกันยังช่วยลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิลและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยการเปลี่ยนวัสดุที่ไม่ใช้แล้วให้เป็นพลังงานหมุนเวียนที่สามารถนำกลับมาใช้ในอุตสาหกรรมได้อย่างยั่งยืน

 

สำหรับประเทศไทย การจัดการวัสดุเหลือใช้จากภาคเกษตร อุตสาหกรรม และชุมชนยังเป็นความท้าทายสำคัญ ขณะที่อุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มีศักยภาพโดดเด่นด้านเทคโนโลยีในการนำวัสดุเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ที่มีอุณหภูมิสูงกว่า 1,450 องศาเซลเซียส TCMA จึงเดินหน้าผลักดัน Co-Processing เพื่อกำจัดวัสดุไม่ใช้แล้วอย่างปลอดภัย เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ไม่ก่อมลพิษ ลดฝุ่น PM2.5 เพิ่มรายได้ให้เกษตรกร ลดภาระพื้นที่ฝังกลบ และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีประสิทธิภาพ

 

ดร.ชนะ ระบุว่า การใช้ประโยชน์ร่วมกับกระบวนการ Co-Processing นี้ ไม่ได้จำกัดเฉพาะในช่วงปกติเท่านั้น แต่ยังมีบทบาทสำคัญในสถานการณ์วิกฤต ตัวอย่างกรณีน้ำท่วมใหญ่ในจังหวัดสงขลา ส่งผลให้เกิดปริมาณขยะหลังน้ำลดเป็นจำนวนมาก ทั้งเศษวัสดุ เฟอร์นิเจอร์ชำรุด และขยะชุมชน การนำสิ่งเหล่านี้ไปฝังกลบอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาสิ่งแวดล้อมและด้านสาธารณสุข ด้วยเทคโนโลยีของอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ โรงงานปูนซีเมนต์ในพื้นที่ภาคใต้สามารถนำวัสดุที่เหมาะสมเข้าสู่กระบวนการ Co-Processing โดยแปรรูปเป็นเชื้อเพลิงทดแทน (RDF) และใช้เป็นพลังงานในเตาเผาปูนซีเมนต์ ช่วยลดขยะตกค้างหลังน้ำท่วม ลดภาระการฝังกลบและกลิ่นรบกวน และทำให้การฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันยังเป็นการเพิ่มปริมาณพลังงานทดแทนในภาคอุตสาหกรรม ช่วยลดการใช้พลังงานฟอสซิล และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกควบคู่กันไป

 

“TCMA เชื่อมั่นว่า การสนับสนุนด้านนโยบาย งบประมาณ และกรอบการดำเนินงานที่ชัดเจน จะสามารถยกระดับการจัดการวัสดุที่ไม่ใช้แล้วของไทย และการทดแทนพลังงานฟอสซิลไปพร้อมกัน พร้อมลดก๊าซเรือนกระจกได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยมี “Co-Processing in Cement Kiln” เป็นหนึ่งในกลไกสนับสนุนสำคัญ TCMA พร้อมทำหน้าที่เชื่อมความร่วมมือระดับสากล เพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันสร้างประโยชน์และขับเคลื่อนประเทศไปสู่ Net Zero 2050 ตามเป้าหมาย” ดร.ชนะ กล่าวสรุป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แชร์ข่าว