พลังงาน ความยั่งยืน

กรมป่าไม้–ราช กรุ๊ป สานพลังรักษ์ป่า เดินหน้าโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ปีที่ 18

แชร์ข่าว

กรมป่าไม้ ร่วมกับ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) สานต่อโครงการ “คนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 18  ตอกย้ำความสำเร็จของการบูรณาการความร่วมมือระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ ในการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากรป่าไม้ จัดพิธีมอบรางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2568 ถ้วยรางวัลพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี โดยได้รับเกียรติจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ประธานพิธี ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพฯ

นายนิกร ศิรโรจนานนท์ อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า กรมป่าไม้ได้ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของประชาชนและภาคีเครือข่าย เพื่อสร้างความร่วมมือในการบริหารจัดการทรัพยากรร่วมกับภาครัฐ จึงได้นำแนวคิดในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ ในรูปแบบของป่าชุมชน ที่เปิดโอกาสให้ประชาชนและชุมชนเข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่า ซึ่งในปัจจุบัน กรมป่าไม้ได้ส่งเสริมให้จัดตั้งป่าชุมชน ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 จำนวน 12,985 ป่าชุมชน  ชุมชนมีส่วนร่วม จำนวน 14,593 หมู่บ้าน เนื้อที่รวม 7.07 ล้านไร่ โดยกรมป่าไม้จะเร่งขยายให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนครอบคลุมทั่วประเทศ ครบตามเป้าหมาย จำนวน 15,000 ป่าชุมชน เพื่อให้ชุมชนได้มีส่วนร่วมในการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้ในพื้นที่

นิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โครงการคนรักษ์ป่ ป่ารักชุมชน” ถือเป็นโครงการเรือธงสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมและสังคมของบริษัทฯ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักขององค์กรในการสนับสนุนเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) และยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การจัดการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร ในการส่งเสริมการปลูกและฟื้นฟูป่าไม้ ที่มุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเพิ่มขีดความสามารถในการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศ เพิ่มแหล่งดูดซับคาร์บอน เพื่อสร้างสมดุลแก่ระบบนิเวศและช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณพืชและสัตว์

นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2551 ที่เริ่มดำเนินโครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน เป็นต้นมา โครงการดังกล่าวช่วยสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ขององค์การสหประชาชาติ โดยเฉพาะ เป้าหมายที่ 13 “การรับมือการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Climate Action)” จนถึงปัจจุบันบริษัทฯ ได้ให้การสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในการอนุรักษ์ป่าผ่านกิจกรรมการประกวดป่าชุมชนทั่วประเทศ รวม 1,786 ชุมชน คิดเป็นพื้นที่ป่า รวม รวม 1,620,176.77 ไร่ ซึ่งผืนป่าที่ชุมชนดูแลรักษาไว้นี้ได้กลายเป็นแหล่งบริการระบบนิเวศแก่ชุมชนและสังคม และยังเป็นแหล่งกักเก็บก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์บรรเทาผลกระทบจากภาวะโลกเดือด ได้ราว 10,207,113.65 ตันคาร์บอน (ค่าเฉลี่ยอัตราการกักเก็บคาร์บอนของป่าไม้ประมาณ 6.3 ตัน/ไร่)

สำหรับการประกวดป่าชุมชนรางวัลคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ประจำปี 2568 มี 16 ชุมชนที่ได้รับรางวัล โดยพื้นที่ป่าที่ดูแลรักษา รวม 24,088.08 ไร่ ซึ่งสามารถให้บริการเชิงนิเวศได้มูลค่าประมาณ 2,161.59 ล้านบาท และกักเก็บคาร์บอนได้ประมาณ 151,754.90 ตันคาร์บอน

ป่าชุมชนบ้านจาน จ.บุรีรัมย์ ชนะเลิศระดับประเทศ

รางวัลชนะเลิศระดับประเทศ ถ้วยรางวัลพระราชทาน กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในปีนี้ เป็นของป่าชุมชนบ้านจาน ตำบลหนองเต็ง อำเภอกระสัง จังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งถือเป็นต้นแบบด้านการบริหารจัดการทรัพยากรป่าไม้และการใช้ประโยชน์อย่างสมดุล รวมทั้งขยายความร่วมมือการอนุรักษ์ป่า ไปยังภาคีเครือข่ายโดยรอบ ได้แก่ กลุ่มเยาวชน โรงเรียนบ้านจาน และราษฎรอาสาสมัครพิทักษ์ป่า (รสทป.) เทศบาลตำบลหนองเต็ง และองค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์  เครือข่ายป่าชุมชนบ้านเสม็ด ตำบลคอโค อำเภอเมือง จ.สุรินทร์ เป็นต้น

นายสงัด ปรึกกระโทก ประธานป่าชุมชนบ้านจาน กล่าวว่า ในอดีตช่วงก่อสร้างทางรถไฟสาย นครราชสีมา–อุบลราชธานี ได้มีการใช้ไม้จากป่าบ้านจานเพื่อทำหมอนรางรถไฟ รวมถึงการบุกรุกพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ทำให้สภาพป่าเสื่อมโทรมอย่างหนัก กระทั่งปี 2535 ชุมชนได้รวมพลังลุกขึ้นมาต่อสู้ แก้ไขปัญหาการออกเอกสารสิทธิ์ทับพื้นที่ป่าสาธารณะ และเริ่มอนุรักษ์ป่าอย่างจริงจัง กระบวนการนี้ทำให้สามารถเรียกคืนพื้นที่ป่าได้เป็นจำนวนมาก

ปี 2537 ชาวบ้านจำนวน 25 คนได้ร่วมกันก่อตั้ง “กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม” พร้อมจัดตั้งคณะกรรมการและวางกฎข้อบังคับ เช่น ห้ามตัดไม้ ห้ามล่าสัตว์ป่า ส่งผลให้ป่าฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ความพยายามของชุมชนได้รับการยอมรับในระดับประเทศ โดยได้รับพระราชทาน “ธงพิทักษ์ป่าเพื่อรักษาชีวิต” ชั้นที่ 1 ในปี 2541 และชั้นที่ 2 ในปี 2558 ด้านการรับรองพื้นที่ ป่าชุมชนบ้านจานได้รับการอนุมัติจัดตั้งรวม 3 ครั้ง ได้แก่ ปี 2542, 2555 และ 2562 ซึ่งครั้งล่าสุดเป็นการอนุมัติตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562

สงัด ปรึกกระโทก ประธานป่าชุมชนบ้านจาน

ประธานป่าชุมชนบ้านจาน กล่าวอีกว่า ป่าชุมชนบ้านจานมีพื้นที่กว่า 896 ไร่ ประกอบด้วยป่าเต็งรัง ป่าผสมผสาน และป่าริมฝั่งลำน้ำชี มีความหลากหลายทางชีวภาพสูง โดยมีลำน้ำชีเป็นแหล่งน้ำสำคัญที่หล่อเลี้ยงชุมชน ของป่าหลากหลายชนิด ล้วนเป็นแหล่งรายได้สำคัญที่สร้างมูลค่ามากกว่า 1.9 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้ ชุมชนยังพัฒนาเส้นทางท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทำให้เกิดอาชีพและรายได้เพิ่มเติมในท้องถิ่น

"กิจกรรมหลักของการอนุรักษ์ประกอบด้วยการปลูกต้นไม้ การทำแนวกันไฟ การลาดตระเวน และการจัดท่องเที่ยวเชิงนิเวศ นอกจากนี้ ชุมชนยังมีการลงนามบันทึกความร่วมมือกับเทศบาลตำบลหนองเต็ง และองค์การบริหารส่วนตำบลชุมแสง เพื่อขยายพื้นที่ป่าชุมชน รวมถึงการสร้างเครือข่ายกับป่าชุมชนบ้านเสม็ด จังหวัดสุรินทร์ เพื่อให้การปกป้องป่ามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ขณะที่การจัดการคาร์บอน ป่าชุมชนบ้านจานได้รับการประเมินว่าสามารถกักเก็บก๊าซเรือนกระจกได้มากถึง 35,529.585 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า" นายสงัด กล่าว

ตลอดระยะเวลากว่า 18 ปีของการดำเนินงาน โครงการคนรักษ์ป่า ป่ารักชุมชน ได้สร้างผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมทั้งด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม รวมถึงเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดการมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติอย่างกว้างขวาง พร้อมเชิดชูเกียรติและสร้างกำลังใจแก่ชุมชนที่ทุ่มเทดูแลผืนป่าให้คงอยู่อย่างยั่งยืนต่อไป

แชร์ข่าว