ธุรกิจ

บอร์ดบางจากฯ ตั้งกรรมการเฉพาะกิจประเมินสถานการณ์หลัง “เบน สมิธ” ถูกอายัดทรัพย์

แชร์ข่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 3 ธันวาคม 2568 จากที่ทางสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีการยึดและอายัดทรัพย์สิน เครือข่ายของนายเบน สมิธ รูปแบบของ "หลักทรัพย์ในบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์" แต่ยังไม่มีการเปิดเผยชื่อเฉพาะเจาะจงของหุ้นหรือหลักทรัพย์ ที่ถูกอายัด โดยก่อนหน้านี้ มีการระบุถึงเครือข่าย เบน สมิธ เข้ามาถือหุ้นในกลุ่มบางจากฯ โดยข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่านางสาวแคทรียา บีเวอร์ ภรรยาของ นายเบนจามิน เมาเออร์เบอร์เกอร์ เป็น ‘ผู้ถือหุ้นใหญ่’ บางจากฯ อันดับที่ 10 นั้น

ล่าสุด ฝ่ายบริหารภาพลักษณ์และสื่อสารองค์กร บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า ตามที่ ปปง. ได้แถลงข่าวถึงความคืบหน้า คดีเครือข่ายคณะบุคคลซึ่งเกี่ยวข้องกับความเสียหายทางการเงินจำนวนมาก และมีมาตรการยึดและอายัดทรัพย์สินของผู้ต้องหาหรือผู้ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงหุ้นบางส่วนของบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) นั้น

บริษัทฯ ขอเรียนว่า การดำเนินการดังกล่าวเป็นมาตรการของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับผู้ถือหุ้นรายนั้น และเป็นกระบวนการตามกฎหมายที่แยกจากการดำเนินธุรกิจและการบริหาร งานของบริษัทฯ ซึ่งยังคงเป็นไปตามปกติและมีเสถียรภาพอย่างเต็มที่

บริษัทฯ ยึดมั่นในหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี (Good Corporate Governance) ความโปร่งใส และมาตรฐาน ESG ในทุกกระบวนการมาโดยตลอด เพื่อรักษาความเชื่อมั่นของผู้ถือหุ้น นักลงทุน และผู้มีส่วนได้เสียทางธุรกิจทุกฝ่าย

คณะกรรมการบริษัทได้ตั้งคณะกรรมการชุดเฉพาะกิจ ซึ่งได้ประเมินสถานการณ์และเสนอแนวทางการดำเนินงานในเบื้องต้นแล้ว และอยู่ระหว่างการพิจารณามาตรการที่เหมาะสมทั้งในระยะเร่งด่วนและระยะยาว ซึ่งบริษัทฯ จะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้

นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความใน FB ระบุ ตามที่ ปปง.มีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะกลุ่มของนายยิม เลียก และนายเบน สมิธ ซึ่งมีมูลค่าทรัพย์สินที่ถูกอายัดถึง 9 พันล้านบาท จากรายการทรัพย์สินทั้งหมด 66 รายการ ซึ่งการยึดทรัพย์ในครั้งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการสืบสวนเส้นทางการเงินในคดีหลอกลวงออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับบุคคลที่ชื่อ “แตงไทย” ซึ่งพบว่ามีการทำธุรกรรมเชื่อมโยงกับบัญชีธนาคารของนายยิม เลียก ผู้ซึ่งมีความใกล้ชิดกับทายาทของเครือข่ายผู้มีอิทธิพลในประเทศกัมพูชา และเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายสแกมเมอร์ที่หลอกลวงคนไทยจำนวนมาก

นอกจากนี้ นายเบน สมิธ ยังใช้ชื่อหลายชื่อในการทำธุรกรรมต่างๆ เช่น เบนจามิน เมาส์เบอร์เกอร์, สมิธ เบน ซึ่งสร้างความสับสนและเป็นที่น่าสงสัย ว่าเหตุใดถึงต้องมีชื่อหลายชื่อขนาดนี้ จำเป็นต้องปกปิดตัวตนไปทำไม

นายรังสิมันต์ ระบุไม่อยากให้มองว่าเรื่องของนายเบน สมิธ เป็นเพียงเรื่องของสแกมเมอร์เท่านั้น แต่อยากให้มองว่าเป็นปัญหาทุนสีเทาที่กำลังเป็นภัยคุกคามต่อประเทศไทย โดยเงินที่ได้จากการหลอกลวงประชาชนและเว็บพนัน ได้ถูกนำมาฟอกและซื้อกิจการในประเทศ และอาจถูกนำไปใช้ในการซื้อเสียงสำหรบการเลือกตั้งที่จะถึง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศในระยะยาว และขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการกรณีนักการเมืองที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายนี้ด้วย