กมธ.ฯ นิรโทษกรรมผลกระทบจากนโยบายที่ดินและป่าไม้ฯ ลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา-อุทยานแห่งชาติทับลาน จังหวัดปราจีนบุรี รับฟังความเห็น หวังคลี่คลายความขัดแย้ง
วันที่ 14 พฤศจิกายน 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ห้องประชุม ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา ถนนมหาดไทย ตำบลในเมือง อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา ว่า พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม, หัวหน้าพรรคประชาชาติ ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราช บัญญัตินิรโทษกรรมแก่ราษฎร ซึ่งได้รับความเสียหายหรือได้รับผลกระทบจากการดำเนินการตามนโยบายของรัฐด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติ มอบหมาย นายเลาฟั้ง บัณฑิตเทอดสกุล ในฐานะรองประธานฯ เป็นประธานการประชุมฯรับฟังความเห็น โดยมี นายกิตติศักดิ์ ธีระวัฒนา รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำหน่วยงานราชการ และส่วนราชการ องค์กรที่เกี่ยวข้อง ให้การต้อนรับคณะ และเข้าร่วมแสดงความเห็นในที่ประชุมด้วย โดยบรรยากาศของการประชุมฯ เป็นไปด้วยความสร้างสรรค์ คณะกรรมาธิการฯ ที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการฯ และผู้แทนหน่วยราชการที่เข้าร่วมประชุมฯ ประกอบไปด้วย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา, ผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในจังหวัดนครราชสีมา ,ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 7 นครราชสีมา, ผู้อำนวยการสำนักจัดการทรัพยากรป่าไม้ที่ 8 (นครราชสีมา), หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ,นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา และที่ทำการปกครองจังหวัดนครราชสีมา ได้แสดงความคิดเห็นอย่างหลากหลาย และเป็นประโยชน์
โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง เปิดเผยความคืบหน้าของการประชุมฯ ว่า จากการที่ได้เข้ามารับหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าว ที่ได้ประชุมกันอย่างต่อเนื่องมาจนถึงในขณะนี้ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างฯ มีแผนที่จะนัดประชุมรับฟังความเห็นเพิ่มเพื่อให้ร่างกฎหมายฉบับนี้สามารถอำนวยความยุติธรรมได้สูงสุด เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและความผาสุกของประชาชนโดยรวม ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ คาดหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะสามารถเสนอร่างกฎหมายนี้ต่อสภาผู้แทนราษฎรในวาระ 2 และวาระ 3 ในวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ที่จะเปิดสมัยประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สามัญประจำปีครั้งที่ 2)
นายเลาฟั้ง กล่าวว่า สภาผู้แทนราษฎรได้ตั้งคณะกรรมาธิการฯ ขึ้นเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งขณะนี้ได้มีการพัฒนาและแก้ไขเปลี่ยนแปลงร่างกฎหมายไปมากพอสมควรตามที่ได้มีการติดตามการพิจารณา
"การพิจารณาร่างกฎหมายฉบับนี้ดำเนินการอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งของทั้งสองฝ่าย คือ ฝ่ายประชาชนที่ได้รับผลกระทบ กับ ฝ่ายที่เป็นเจ้าภาพหรือหน่วยงานหลักในการดูแลที่ดิน ทำให้ประเด็นต่าง ๆ เป็นที่สนใจทั้งในชั้นการพิจารณากฎหมายและในสังคมอย่างมากพอสมควร"
[ประเด็นหลัก: ผู้มีสิทธิ์และผลกระทบต่อหน่วยงานปฏิบัติ]
นายเลาฟั้งระบุว่า ประเด็นที่เป็นปัญหาหลักคือ "ใครมีสิทธิ์ที่จะได้รับการเยียวยาตามกฎหมายฉบับนี้" คณะกรรมาธิการฯ ต้องการให้กฎหมายออกมาเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่ายให้มากที่สุด โดยเฉพาะในส่วนของผู้ที่ได้รับผลกระทบจริง ๆ จะต้องได้รับความเป็นธรรมคืน อย่างไรก็ตาม ร่างกฎหมายนี้จะส่งผลกระทบต่อหลายหน่วยงาน โดยเฉพาะ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการอนุรักษ์พื้นที่ รวมถึงหน่วยราชการอื่นที่เกี่ยวข้อง เช่น ฝ่ายอัยการ และตำรวจ ซึ่งขณะนี้อยู่ในส่วนของการบังคับคดี ทำให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับหลายภาคส่วน
[ลงพื้นที่โคราช: ข้อมูล 552 คดีที่ต้องพิจารณา]
"เราจึงอยากรับฟังข้อเท็จจริง รับทราบความคิดเห็น อยากจะดูข้อมูลที่เป็นข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในพื้นที่ โดยเฉพาะที่จังหวัดนครราชสีมา มีทั้งหมด 552 คดี ซึ่งเป็นตัวเลขที่เยอะพอสมควร" รองประธาน กมธ. กล่าว
นายเลาฟั้งย้ำถึงความสำคัญของการดำเนินการตรวจสอบ คัดกรอง และความระมัดระวังในการออกกฎหมาย เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการ คืนความเป็นธรรมให้กับคนที่ "มีสิทธิ์" ในขณะเดียวกันก็ต้องออกกฎหมายเพื่อ คัดกรองคน "ไม่มีสิทธิ์" ออกไป ด้วย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหาย และป้องกันผู้ที่ไม่มีสิทธิ์มาถือโอกาสใช้ประโยชน์ทั้งหมด
[รับฟังสองฝ่าย: ผู้ปฏิบัติงานและประชาชน]
"เราจำเป็นต้องรับฟังซึ่งเรารับฟังทั้งสองฝ่าย สำหรับในวันนี้เราจะมารับฟังส่วนราชการที่เป็นผู้ปฏิบัติ ส่วนในวันพรุ่งนี้ก็จะลงพื้นที่ไปรับฟังในส่วนที่เป็นชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และผู้นำท้องถิ่น"
“การดำเนินการเช่นนี้เพื่อให้คณะกรรมาธิการฯ มีข้อมูลจากทั้งสองฝ่าย เพื่อนำมาสรุปเป็นข้อกฎหมายที่เป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย เมื่อกฎหมายออกมาแล้วจะต้องสามารถนำไปปฏิบัติจริงได้ และต้องไม่กระทบต่อการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติที่ดำเนินการไปแล้ว” นายเลาฟั้ง กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการฯ จะมีการรับฟังความเห็นภาคประชาชนและแนวทางการดำเนินการตามนโยบายของรัฐ ด้านที่ดินและทรัพยากรธรรมชาติระหว่างวันที่ 14-15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี
โดยในวันพรุ่งนี้ (วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2568) ในเวลา 10.00 น. คณะกรรมาธิการฯ จะเดินทางไปประชุมหารือร่วมกันกับประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอุทยานแห่งชาติทับลาน เกี่ยวกับการแก้แก้ไขปัญหาที่ดินทำกิน รวมทั้งรับฟังความเห็นเกี่ยวกับร่างพระราชบัญญัติฯ ในพื้นที่อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา และจังหวัดปราจีนบุรี
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมาธิการฯ มีกำหนดการประชุมอีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน 2568 เวลา 09.30 น. ณ ห้องประชุมคณะกรรมาธิการ CA 308 ชั้น 3 อาคารรัฐสภา ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพฯ








