ท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาได้ปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างรุนแรง โดยมีเหตุการณ์ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดในเขตอธิปไตยของไทยเป็นชนวนสำคัญ ซึ่งนำไปสู่การตัดสินใจที่รวดเร็วและเด็ดขาดของรัฐบาลไทยในการฉีก ปฏิญญาสันติภาพร่วมไทย-กัมพูชา (Joint Declaration) และยกระดับมาตรการทางทหารเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ
การละเมิดอธิปไตยและการยุติ "สันติภาพ" คือชนวนเหตุ การที่ทหารไทยได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากการเหยียบทุ่นระเบิดที่วางโดยฝ่ายกัมพูชาในพื้นที่ของไทย ถูกตีความโดยรัฐบาลไทยว่าเป็นการ "ละเมิดอธิปไตย" และเป็นสิ่งที่ "ยอมรับไม่ได้" รัฐบาลได้ตอบโต้โดยนายกรัฐมนตรีได้ประกาศอย่างชัดเจนว่า "สันติภาพไทย-กัมพูชาจบลงแล้ว" และสั่งระงับปฏิญญาสันติภาพโดยไม่มีกำหนด พร้อมกับมีมติยุติการส่งเชลยศึก 18 นายให้กับกัมพูชา และมอบอำนาจให้กองทัพใช้มาตรการทางทหารเพื่อปกป้องประเทศตามหลัก Rules Of Engagement (ROE)
ข้อตกลง 4 ข้อที่ลงนาม ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ มีเป้าหมายเพื่อลดความตึงเครียดและฟื้นฟูความเชื่อมั่น แต่ฝ่ายไทยมองว่าการกระทำของกัมพูชาได้ละเมิดถ้อยแถลงร่วมอย่างชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นการไม่ให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิด การถอนอาวุธหนักอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม โดยถอนอาวุธหนักไปไม่ห่างจากชายแดนหรือพื้นที่ปะทะมากนัก ในขณะที่ฝ่ายไทยถอยกลับ ฐาน ที่ตั้ง ยิ่งประเด็นเรื่องสแกมเมอร์ยิ่งขาดความจริงใจอย่างสิ้นเชิง
ในสถานการณ์ที่ไทยตัดสินใจใช้มาตรการที่เด็ดขาดเพื่อตอบโต้การละเมิดอธิปไตย สหรัฐอเมริกาได้ออกมาแสดงท่าทีด้วยการร้องขอให้ทั้งสองประเทศปฏิบัติตามปฏิญญาสันติภาพต่อไป และให้ "ความอดกลั้น" รวมถึงประกาศว่ากำลังรวบรวมข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
คำขอสหรัฐอเมริกาที่ให้ไทยต้องอดทนกับพฤติกรรมของกัมพูชา ไม่ต่างจากการ 'เลี้ยงไข้'
การที่สหรัฐฯ ขอให้อดทนในขณะที่ทหารไทยบาดเจ็บและอธิปไตยถูกละเมิดซ้ำ ๆ ถูกมองว่าเป็นการ "เลี้ยงไข้" ของความขัดแย้ง โดยไม่ได้จัดการกับต้นตอของปัญหาอย่างจริงจัง ซึ่งคือการละเมิดข้อตกลงและอธิปไตยของไทยโดยฝ่ายกัมพูชา
หลังโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงหยุดยิง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาที่นำไปสู่ปฏิญญาสันติภาพ ท่าทีของสหรัฐฯ ในปัจจุบันจึงอาจถูกตีความว่าเป็นการพยายามรักษาหน้า หรือปกป้องผลประโยชน์ทางการทูตที่ได้สร้างไว้ภายใต้การนำของทรัมป์
การที่สหรัฐฯ เน้นให้ไทยยังคงยึดมั่นในปฏิญญาสันติภาพ ที่ถูกละเมิดแล้ว โดยไม่ประณามการวางทุ่นระเบิดในเขตอธิปไตยไทยอย่างชัดเจน อาจถูกมองว่าเป็นการบั่นทอนจุดยืนของไทยในการปกป้องดินแดนของตนเอง และส่งสัญญาณว่าความมั่นคงของภูมิภาคสำคัญกว่าหลักการอธิปไตยของประเทศสมาชิกอาเซียน
รัฐบาลไทยได้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนว่าตนเป็นประเทศอธิปไตย และมีสิทธิ์ในการตัดสินใจเพื่อประโยชน์ของประเทศโดยไม่ต้องรายงานใคร และจะไม่ยอมเสียเปรียบต่อฝ่ายตรงข้าม
ท่าทีของสหรัฐฯ ที่คลุมเครือและเน้นเพียงการรักษาสถานะเดิมถูกวิจารณ์ว่าไม่ได้ส่งเสริมสันติภาพอย่างยั่งยืน แต่เป็นการคงไว้ซึ่งความตึงเครียดที่เอื้อประโยชน์ต่อฝ่ายที่ละเมิดข้อตกลงมากกว่า ในมุมมองของนักวิเคราะห์การเมืองไทย การที่สหรัฐฯ หรือประชาคมโลกไม่สามารถกดดันกัมพูชาให้ยุติการละเมิดอธิปไตยอย่างเด็ดขาดและจริงจัง ทำให้ประเทศไทยต้องพึ่งพามาตรการทางทหารที่เข้มแข็ง และการทูตเชิงรุกในการปกป้องผลประโยชน์ของชาติ
การขอให้อดทนโดยไม่จัดการกับสาเหตุของความขัดแย้งอย่างแท้จริง จึงไม่ต่างอะไรกับการ "เลี้ยงไข้" ที่จะทำให้บาดแผลความขัดแย้งเรื้อรังต่อไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยไม่สามารถยอมรับได้อีกต่อไป
#ไทยกัมพูชา #ชายแดนเดือด #สันติภาพจบแล้ว #เลี้ยงไข้ #สหรัฐฯ #การเมือง #อธิปไตยไทย #ข่าวด่วน #วิเคราะห์การเมือง #BreakingNews








