ชาวบ้านตำบลดอนแร่ อ.เมือง จ.ราชบุรี เล่าถึงความประทับใจ หลังมีโอกาสใส่ผ้าซิ่นตีนจกไท-ยวน ไปรับเสด็จ "สมเด็จพระพันปีหลวง" เสด็จเยี่ยมราษฎรที่ อ.สวนผึ้ง เมื่อหลายปีก่อน ทรงตรัสชม “ผ้าสวย”
ผ้าตีนจกผืนหนึ่งที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าจดจำยิ่ง สมัยเมื่อประมาณปี พ.ศ.2536 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวงได้เสด็จทรงเยี่ยมราษฎร ที่สวนป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ อ.สวนผึ้ง จ.ราบุรี พร้อมกับทรงตรัสชมนางนงเยาว์ พลอยชุม อายุ 76 ปี ชาวบ้านตำบลดอนแร่ อ.เมือง ที่ได้นุ่งผ้าซิ่นตีนจกของนางปัง มูลพวก ผู้เป็นแม่ เดินทางมารับเสด็จ ซึ่งสมเด็จพระพันปีหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินผ่าน และมีโอกาสพบนางนงเยาว์ที่นุ่งผ้าซิ่นตีนจกซึ่งมีลวดลายสีแดงตัดกับพื้นสีดำแปลกตามีความวิจิตรงดงาม พระองค์ทรงใช้พระหัตถ์ทรงลูบผ้าซิ่นที่นางนงเยาว์ได้สวมใส่ด้วยความปลื้มพระทัย พร้อมกับทรงตรัสชมผ้าว่า “ผ้าสวย” จากนั้นได้ให้เจ้าหน้าที่ที่ติดตามบันทึกภาพผ้าซิ่นตีนจกผืนที่ใส่ไว้ พร้อมกับทรงมีพระราชดำริ อยากได้ผ้าผืนที่มีลวดลายสีแดงสดแบบนี้ไปทำเป็นผ้าผูกชุดกิโมโนของประเทศญี่ปุ่นที่จะอยู่บริเวณช่วงหลังของชุด ประมาณ 10 ผืน หรือ 10 ตีน (คำว่า ตีน ใช้เรียกผ้าซิ่นตีนจกซึ่งจะมีลักษณะมีลวดลายอยู่ด้านล่างของผืนผ้า)
นางนงเยาว์ พลอยชุม ผู้นุ่งผ้าซิ่นตีนจกรับเสด็จในครานั้น กล่าวว่า รู้สึกภูมิใจที่ผ้าผืนนี้เป็นฝีมือของแม่ตนเป็นคนทอกับมือ พระองค์ท่านทรงชอบ สมัยก่อนแม่จะทอเยอะและขายหมด ส่วนผืนนี้ไม่ให้ขาย เลยเหลือผืนเดียวจึงนุ่งใส่ไปรับเสด็จพระองค์ท่าน และได้เก็บมาหลายปีแล้ว ตอนนั้นมีอายุ 30 ปีเศษ ๆ มาตอนนี้มีอายุ 76 ปีแล้ว และยังมีเรื่องประทับใจแบบขำ ๆ หลังจากที่รับเสด็จพระองค์ท่านเสร็จแล้ว กำลังจะเดินกลับบ้าน มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายหนึ่งที่ติดตามเสด็จแซวว่า “ พี่..ถ้าเป็นผม ผมจะถอดให้พระราชินีไปแล้ว พระราชินีท่านชอบ เลยบอกไปว่า แล้วพี่จะเอาอะไรนุ่งกลับบ้านล่ะ ตำรวจเขาก็หัวเราะ”
นายสาโรจน์ มูลพวก นายก อบต.ดอนแร่ กล่าวว่า ผ้าตีนจกไท-ยวน ใส่ติดตัวมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษรุ่น ปู่ ย่า ตา ยาย ที่อพยพถูกกวาดต้อนมาสมัยกว่า 200 ปีมาแล้ว เป็นภูมิปัญญาที่ติดตัวมาของผู้หญิงที่จะต้องทอผ้าเป็น แรก ๆ จะใช้ทอเพื่อใส่เอง เวลาไปงานต่างๆ เอกลักษณ์ที่นี่ผู้หญิงต้องทอผ้าเป็น ตอนหลังได้รับการส่งเสริมเป็นที่นิยมจึงมีการทอขายออกจำหน่ายบ้าง มีการจัดตั้งการทอเป็นกลุ่มเล็ก ๆ ส่วนกลุ่มใหญ่จะมีอยู่ที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านวัดนาหนอง เป็นศูนย์กลางรับและเป็นตัวแทนจำหน่ายแก่ผู้สนใจ ส่วนความยากง่ายของการทอ ขึ้นอยู่กับลวดลาย บางลายจะมีเฉพาะบางกลุ่มของการทอผ้า แต่ต่อมาเริ่มแพร่หลายจะมีการทำลวดลายออกมาให้คล้ายกันมากขึ้น ส่วนราคาถ้าไม่มีลายดอก จะมีราคาประมาณหลักร้อยบาท แต่หากมีลวดลายจะมีราคาตั้งแต่หลักหมื่นบาทไปถึงหลายหมื่นบาทต่อผืน ถ้าเป็นการทอด้วยผ้าไหม
นางสาวดลตวรรณ มณีจันทร์ อายุ 59 ปี ประธานศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านราชบุรี วัดนาหนอง กล่าวว่า ลวดลายที่เห็นนี้เป็นลวดลายดั้งเดิมของ ต.ดอนแร่ จะเป็นลายหักดอกแก้ว ซึ่งเรียนรู้มาจากปู่ ย่า ตา ยาย ลักษณะเป็นลายหักตรงสีดำและมีนกคู่อยู่ข้างใน และมีดอกแก้วอยู่ด้วย จึงเรียกต่อกันมาว่าลายหักดอกแก้ว ชาวบ้านมีรายได้จากการทอผ้าอยู่กับบ้าน สร้างรายได้ให้แก่ครอบครัว ตอนนี้มีการพัฒนาลวดลายเป็นลายที่เสริมขึ้นมา แต่ลายดั้งเดิมยังคงอนุรักษ์เอาไว้ ส่วนลายใหม่ ๆ จะเอามาประกอบกับผืนผ้าตีนจกของโบราณให้มีความสวยงามมากขึ้น
สำหรับประวัติชายไท-ยวน ราชบุรี มีถิ่นฐานเดิมอยู่แถบอาณาจักรล้านนาทางตอนเหนือของไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ต่อมาได้มีการอพยพย้ายมาอยู่บริเวณริมฝั่งแม่น้ำแม่กลอง และหลายพื้นที่ เช่น ตำบลคูบัว ตำบลดอนตะโก ตำบลอ่างทอง ตำบลเจดีย์หัก ตำบลดอนแร่ ตำบลห้วยไผ่ และตำบลหินกอง เขตพื้นที่ อ.เมืองราชบุรี เป็นต้น
ปัจจุบันที่ศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้านราชบุรี วัดนาหนอง ยังได้มีการนำผ้ามาประยุกต์ตัดเย็บเป็นผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มมูลค่า เช่น ย่าม กระเป๋า มีลวดลายที่สวยแปลกตา จากการทอที่มีความยากทำให้สินค้าแต่ละชิ้นมีราคาค่อนข้างแพง เช่น ย่ามผ้าจก ขายราคาตั้งแต่หลักพันบาท ไปถึงหลักหมื่นบาท ยังมีผ้าซิ่น เสื้อ ที่ออกแบบให้เข้าชุดกับงานพิธีสำคัญ ๆ ด้วย
#ภูมิภาค-35








