วันที่ 11 พ.ย.68 นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ภายหลังที่มีทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิด ที่ห้วยตามาเรีย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ย้ำ 3 ข้อ ที่ฝ่ายไทยเรียกร้องให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการ 3 เรื่อง คือ 1. แสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์นี้ 2.ดำเนินการสอบสวนกรณีดังกล่าว และ 3. ดำเนินการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต โดยขณะนี้จะต้องให้คณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT รับรู้ และเข้าไปตรวจสอบด้วย ซึ่งฝ่ายไทยจะติดตามเพื่อประเมินท่าทีการตอบสนองของฝ่ายกัมพูชา ก่อนที่จะพิจารณามาตรการอื่น ๆ ของฝ่ายไทยให้เหมาะสมกับสถานการณ์
ทั้งนี้การดำเนินการอื่น ๆ ที่อยู่ในเขตอธิปไตยของไทย และสามารถดำเนินการได้โดยฝ่ายไทยฝ่ายเดียว ก็ยังคงจะดำเนินการต่อไปไม่ว่าจะเป็น การเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อความปลอดภัยของประชาชน และการปราบปรามออนไลน์สแกม
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ยังกล่าวอีกว่า หลังเกิดเหตุการณ์นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้โทรศัพท์ติดต่อนายปรัก สุคน รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของประเทศกัมพูชา เพื่อประท้วงในเบื้องต้นไปแล้วถึง 2 ครั้ง คือเมื่อวาน (10 พ.ย.68) และเช้าวันนี้ ซึ่งกระทรวงการต่างประเทศ กำลังจะยื่นหนังสือประท้วงฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นทางการผ่านสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำประเทศไทย
นอกจากนี้ฝ่ายไทยจะดำเนินการตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงดำเนินการตามอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล หรือ อนุสัญญาออตตาวา และจะมีหนังสือชี้แจงไปยัง ประเทศญี่ปุ่น ในฐานะประธานการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวาครั้งที่ 22 และหนังสือถึงเลขาธิการสหประชาชาติ หรือ UN
ขณะเดียวกันไทยจะเดินหน้าชี้แจงประชาคมระหว่างประเทศ โดยจะมีหนังสือถึง สหรัฐอเมริกา และมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน อีกทั้งทั้ง 2 ประเทศมีบทบาทเป็นผู้สังเกตการณ์ในการลงนาม Joint Declaration และส่งหนังสือให้กับประเทศสมาชิกอาเซียนทราบ
สำหรับในวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.) กระทรวงการต่างประเทศ จะจัดการบรรยายสรุปให้กับคณะทูตต่างประเทศประจำประเทศไทยทั้งหมด เพื่อชี้แจงท่าทีของไทยต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ สั่งการให้เวียนผลสรุปการชี้แจงทั้งหมด ส่งให้กับสถานเอกอัครราชทูตไทยที่อยู่ในต่างประเทศทั่วโลก ให้เพื่อฝ่ายไทยได้ชี้แจงกับนานาประเทศ ให้เรามีท่าทีทั่วโลกที่สอดคล้องกัน ในขณะที่ฝ่ายความมั่นคงก็จะเดินหน้าชี้แจงกับผู้สังเกตการณ์อาเซียน หรือ AOT อย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า การที่ฝ่ายไทยจะส่งหนังสือชี้แจงไปยังสหรัฐอเมริกา และมาเลเซียนั้น จะเป็นช่วงใด เนื่องจากว่าฝ่ายกัมพูชาก็เตรียมจะส่งหนังสือไปเช่นกัน ซึ่งการส่งช้า หรือเร็ว จะมีผลได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า จะส่งหนังสือชี้แจงไม่เกินวันพรุ่งนี้ (12 พ.ย.68) ส่วนความได้เปรียบ เสียเปรียบอยู่ที่เนื้อหาของหนังสือว่า มีหลักฐาน มีข้อเท็จจริง และพิสูจน์ได้มากน้อยเพียงใด อย่างที่เราได้นำเสนอภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ซึ่งนั่นคือ หลักฐานเชิงประจักษ์ และมีหลักฐานเชิงเหตุผล เช่น การวางทุ่นระเบิด 3 ทุ่น บริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งเคยเกิดขึ้นแล้วในอดีต ตนเชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า หนังสือชี้แจงของเราจะเป็นข้อเท็จจริงที่น่าเชื่อถือ
เมื่อถามว่า การที่ฝ่ายกัมพูชาวางทุ่นระเบิดอย่างต่อเนื่อง ละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ถือเป็นการไม่เคารพอนุสัญญา จะทำให้ประเทศญี่ปุ่นในฐานะประธานออตตาวา กังวลต่อการเร่งรัดฝ่ายกัมพูชาให้เร่งทำตามอนุสัญญา เพื่อไม่ให้ชาติอื่น รู้สึกว่า ภาคีนี้ไม่ศักดิ์สิทธิ์หรือไม่ นายนิกรเดช กล่าวว่า ตนเองไม่สามารถตีความแทนประเทศญี่ปุ่นได้ แต่มุมมองของไทย ซึ่งเป็นในรัฐสมาชิกเช่นกัน หากมีรัฐภาคีประเทศใดประเทศหนึ่ง กระทำความผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในฐานะที่เป็นประเทศสมาชิก ย่อมแสดงถึงความไม่เคารพกับรัฐภาคี ในภาคีที่ตนเป็นสมาชิก ส่วนส่งผลกระทบต่ออนุสัญญาหรือไม่ มองว่า ส่งผลต่อภาพลักษณ์ที่ดีแน่นอน ซึ่งตนได้ทราบว่า หลังจากที่เราได้หนังสือประท้วงไปก่อนหน้านี้หลายกรณี ก็ได้มีการดำเนินการต่อประเทศที่เราได้ร้องเรียนไปให้มาอธิบายข้อเท็จจริง รวมถึงเลขาธิการสหประชาชาติ ก็ทราบดี และได้สอบถามฝ่ายไทย เพราะได้ติดตามอย่างใกล้ชิด
การเมืองทั่วไป
กต.เชิญคณะทูต พรุ่งนี้ ชี้แจงท่าทีไทย จี้กัมพูชาขอโทษ-ป้องกันซ้ำรอยออตตาวา
แชร์ข่าว








