เมื่อเวลา 09.05 น.วันที่ 11 พ.ย.68 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงผลการประชุมการบริหารจัดการน้ำเมื่อวันที่ 10 พ.ย. ว่า ประเมินสถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วง โดยปริมาณน้ำที่จะเติมเข้าเขื่อนภูมิพลเป็นตัวเลขต่อวันที่ ประมาณ 90 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่การระบายของเขื่อนภูมิพล ประมาณ 45-48 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน นั่นหมายความว่าเขื่อนภูมิพลจะต้องรับน้ำสะสมประมาณ 40 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ขณะที่ความจุของเขื่อนเหลืออยู่ที่ประมาณ 100 กว่าล้านลูกบาศก์เมตร นั่นหมายความว่าหากปล่อยสถานการณ์แบบนี้ไปอีก 3 วัน เขื่อนภูมิพลจะเต็มความจุ แต่ก็เหลืออีก 2 วันจากนี้ เขื่อนก็จะเต็มก็จะหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เขื่อนภูมิพลจะต้องระบายน้ำเพิ่มเพื่อป้องกันไม่ให้เขื่อนเต็ม จากระบาย 45 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน อาจจะต้องระบายขึ้นไปอีก 50-55 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวันเพิ่มเติม เพื่อป้องกันไม่ให้เขื่อนเต็ม
นายภราดร กล่าวว่า ดังนั้น สิ่งที่จะเกิดขึ้นคือ ระดับน้ำในแม่น้ำปิงลงมาถึงแม่น้ำเจ้าพระยาจะต้องสูงขึ้นโดยอัตโนมัติ ถ้าเป็นอย่างนั้นสถานการณ์ด้านล่างก็แย่พอสมควรแล้ว ทางกรมชลประทานจะระบายน้ำอยู่ที่ 2,800 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน เมื่อเป็นแบบนั้นอาจต้องหาวิธีการในการระบายน้ำเพิ่ม ซึ่งได้มีการพูดคุยหาทางแก้ไข ด้วยการ 1. โดยไปดูที่เขื่อนสิริกิติ์ซึ่งเขื่อนสิริกิติ์โชคดีอย่างหนึ่งที่ว่า ปริมาณน้ำเข้าเขื่อนไม่มากเท่าเขื่อนภูมิพล ทำให้สามารถลดการระบายน้ำของเขื่อนสิริกิติ์ได้ จากระบาย 10 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน ลดลงให้เหลือ 5 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือน้อยกว่านั้น ก็จะทำให้การเติมน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาลดลงได้ 2. กรมชลประทานได้ตกลงและรับปากว่า จะมีการระบายน้ำออกทางฝั่งตะวันตกและตะวันออกมากยิ่งขึ้น เพื่อให้เพียงพอต่อเขื่อนภูมิพลที่ระบายเพิ่ม เมื่อเป็นแบบนั้นจะทำให้การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาคงอยู่ที่ระดับเดิมได้
นายภราดร กล่าวว่า สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อมาคือพื้นที่ซ้ายและขวา ทั้งฝั่งตะวันตกและตะวันออก ที่รับน้ำเข้าไปเพิ่มอาจจะได้รับผลกระทบบ้าง ซึ่งได้กำชับว่าการเอาน้ำเข้าทุ่งฝั่งตะวันตกและฝั่งตะวันออก เร่งรัดให้ทางฝ่ายปฏิบัติการช่วยเอาน้ำเข้าทุ่งเข้าไป แต่ข้อจำกัดข้อห่วงใยก็คือเอาเข้าไปปริมาณที่พอสมควร ไม่ให้ชาวบ้านที่อยู่ในทุ่งต้องเดือดร้อน เป็นพื้นที่เก็บน้ำชั่วคราว ถ้าน้ำในระดับแม่น้ำเจ้าพระยาลงแล้ว ก็ปล่อยน้ำจากทุ่ง
เมื่อถามว่า ส่วนกรณีชาวบ้านในพื้นที่ จ.อ่างทอง และ จ.พระนครศรีอยุธยา
ทะเลาะกันเรื่องน้ำ ได้พูดคุยแล้วหรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า ใช่ จึงเป็นเหตุให้มีการเรียกคุยกัน โดยนายกรัฐมนตรี เฝ้าดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หาแนวทางแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน ส่วนมาตรการเยียวยาแน่นอนเป็นหน้าที่ของรัฐบาล โดย 3-4 สัปดาห์ที่แล้ว ครม.อนุมัติงบประมาณเยียวยาไปแล้วส่วนหนึ่ง ส่วนที่ได้รับผลกระทบเพิ่มเติม ปภ.ได้สำรวจเพิ่มและจะอนุมัติเพิ่มเป็นล็อต ๆ เพื่อไม่ให้ต้องเสียเวลา จะทยอยอนุมัติกันไป ล็อตแรกที่ได้รับความ
เดือดร้อนหน้าฝน ได้รับเยียวยาไปเรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังดูมาตรการเพิ่มเติมเพื่อดูแลพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบยาวนาน เช่น จ.อ่างทอง, จ.พระนครศรีอยุธยา ที่อยู่ในน้ำเป็นเวลานาน 2-3 เดือน จะมาตรการช่วยเหลือเพิ่มเติมอยู่แล้ว ซึ่งเป็นแนวทางของนายกฯอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการพูดถึงน้ำที่จะเข้ามาในพื้นที่กทม.หรือไม่ นายภราดร กล่าวว่า อย่างที่เห็นถ้าไม่เร่งระบายน้ำหาที่เก็บหรือหาที่อยู่ให้น้ำ มาถึงกทม. แน่นอน จึงจำเป็นต้องนำน้ำไปเก็บในระบบชลประทาน คือ ในทุ่งให้ได้มากที่สุด โดยไม่กระทบกับประชาชน
เมื่อถามว่า จะมีการพิจารณาปรับมาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมในการเยียวยาหรือไม่ เพราะฝ่ายค้านมองว่าน่าจะมีมาตรการอย่างการดีดบ้านของประชาชนที่ท่วมทุกปีด้วย นายภราดร กล่าวว่า กำลังพิจารณากันอยู่ สำหรับพื้นที่น้ำท่วมซ้ำซาก โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา และ อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง และอีกหลายอำเภอ จะต้องดูแนวทางจะดำเนินการอย่างไร อย่างดีดบ้านก็เป็นแนวทางที่กำลังคุยกับอยู่








