ยุคที่โลกออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน ทำให้เราสื่อสาร ซื้อขาย ทำธุรกรรมทางการเงิน และสร้างความสัมพันธ์ผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล แต่ในขณะเดียวกัน “สแกมเมอร์” ก็ยกระดับเล่ห์เหลี่ยมให้ซับซ้อนขึ้นตามไปด้วย เช่นเดียวกับปี 2025 นี้ ที่หลายหน่วยงานทั้งในและต่างประเทศออกเตือนถึง กลโกงยุคใหม่ ที่อาศัยทั้งเทคโนโลยีขั้นสูงและจิตวิทยามนุษย์ในการหลอกลวงเหยื่อ
เทรนด์สแกมที่มาแรงในปี 2025
1. สแกม AI ปลอมเสียง-ปลอมตัวตน
เทคโนโลยี Deepfake และ AI สังเคราะห์เสียง ทำให้มิจฉาชีพสามารถโทรหาเหยื่อโดยใช้ “เสียงคนสนิทหรือเจ้านาย” มาหลอกให้โอนเงิน หรือส่งข้อมูลลับ เหยื่อจำนวนมากยอมทำตามแบบไม่ทันคิด
2. Romance Scam + Pig Butchering
สแกมแบบ “หมูชำแหละ” กลับมาแรง โจรปลอมโปรไฟล์ในแอปหาคู่ ติดต่อสร้างความสัมพันธ์ แล้วชวนเหยื่อเข้าร่วม “การลงทุน” ที่อ้างว่ามีผลตอบแทนสูง ก่อนจะตัดขาดเมื่อเหยื่อลงเงินจนหมด
3. บัญชีสังเคราะห์ (Synthetic Identity Theft)
ไม่ใช่แค่ใช้ตัวตนคนอื่น แต่สแกมเมอร์ใช้ AI สร้างตัวตน “ใหม่” ขึ้นมาทั้งชื่อ รูป วันเกิด และเอกสาร ปลอมจนเสมือนจริง อันตรายกว่าที่คิด เพราะสามารถเปิดบัญชีธนาคาร ซื้อของ และยืมเงินได้
4. แอป-เว็บปลอมดูเนียนกว่าเดิม
ทั้งเว็บธนาคารปลอม เว็บชวนลงทุน พ่วง QR Code ที่ฝังมัลแวร์หรือระบบดูดข้อมูล ทำให้แม้เราจะสแกน QR เพื่อจ่ายข้าวเช้า ก็อาจถูกดูดเงินทั้งบัญชีโดยไม่รู้ตัว
ล่าสุด นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวว่า เราต้องเร่งทำให้ความเดือดร้อนจากภัยสแกมเมอร์เหล่านี้สูญสิ้นไปจากประเทศไทยให้ได้ เพราะส่งผลให้เกิดความเดือดร้อนทั้งเรื่องเงิน และความเชื่อมั่นประชาชน ระบบเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนของประเทศ เป็นตัวชี้วัดผลงานรัฐบาล จึงเป็นที่มาของการประกาศให้ “การปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์และขบวนการสแกมเมอร์” เป็น “วาระแห่งชาติ”
ทั้งนี้ รายงานจากองค์กรด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ระบุว่า ในประเทศไทย มีมูลค่าความเสียหายจากสแกมออนไลน์มากกว่า 7.6 พันล้านบาท ภายใน 4 เดือนแรกของปีเดียว ซึ่งตัวเลขมีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อยๆ และสะท้อนว่าสถานการณ์นี้ไม่ได้อยู่ไกลตัวเลย
ดังนั้น ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเคลื่อนตัวไปเร็ว “สแกมเมอร์” ก็ไม่หยุดพัฒนาเทคนิคการหลอกลวงเช่นกัน ปี 2025 เป็นปีที่กลโกงถูกปรับแต่งด้วยเทคโนโลยีอย่าง AI และ Deepfake จนแยกของปลอมออกจากของจริงได้ยากขึ้นกว่าเดิม จึงไม่ใช่แค่ความรู้เท่านั้นที่ปกป้องเราได้ แต่คือ “ความระมัดระวัง” และ “สติ” ทุกครั้งที่ถูกติดต่อเพื่อขอข้อมูลหรือชักชวนให้โอนเงิน
เมื่อภัยออนไลน์ซับซ้อนขึ้น เราจำเป็นต้องฉลาดขึ้น ไม่ใช่แค่ฉลาดใช้เทคโนโลยี แต่ต้องฉลาดระวังผู้ใช้เทคโนโลยีเพื่อโกงด้วย








