วันที่ 10 พ.ย.2568 เวลา 09.25 น. ที่รัฐสภา นายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว.ในฐานะโฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)พิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ รัฐสภา กล่าวถึงการลงมติในเนื้อหาร่างมาตรา 256 /1 ว่าด้วยองค์กรที่มีหน้าที่จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งไม่สามารถลงมติได้ในครั้งที่แล้วเนื่องจากองค์ประชุมล่ม ว่า การประชุมในวันที่ 12 พ.ย.นี้ ไม่น่าจะล่ม เพราะมีการพูดคุยกัน อย่างชัดเจนไปแล้วเมื่อวันที่ 7 พ.ย. ที่ผ่านมา เกี่ยวกับข้อมูลที่มีความเข้าใจไม่ตรงกันในบางมาตรา แต่ในส่วนของหลักการได้มีการพูดคุยกันมาหลายวันแล้ว และมีความเข้าใจร่วมกันได้ 100% แต่ในการประชุมอาทิตย์ที่ผ่านมามีรายละเอียดในบางมาตราที่บางคนยังกังวลอยู่ว่าหากโหวตไปอาจผูกมัดไปยังมาตราอื่นจึงทำให้มีความไม่สบายใจ
นายนรเศรษฐ์ กล่าวต่อว่า ดังนั้นในวันที่ 12 พ.ย. นี้ การประชุมไม่น่าจะล่มและเดินหน้าต่อ โดยจะพยายามผลักดันการพิจารณาให้เป็นไปตามไทม์ไลน์เดิมให้ได้ แต่ถ้าหากมีรายละเอียดที่ต้องขยายเวลาเพิ่มก็ต้องมีการพูดคุยกันใน กมธ.และปรับเปลี่ยนตารางอีกที ทั้งนี้ยังมีการพูดคุยกันในเรื่องการเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วย ซึ่งคาดว่าจะเปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระ 2 ได้ในช่วงต้นเดือนธันวาคม และจะเว้น 15 วันก่อนจะพิจารณาวาระ 3 ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ช่วงวันที่ 20 ธันวาคม โดยเป็นไทม์ไลน์คร่าว ๆ ที่คุยกันในกมธ.ฯ ถ้าไม่เปิดสมัยวิสามัญ อาจต้องใช้เวลาในกระบวนการงานธุรการของสภา เพราะต้องใช้เวลาในการบรรจุและวาระ 3 อาจจะต้องขยับไปถึงมกราคม
เมื่อถามว่ากมธ.ฯ ได้มีการประเมินหรือไม่หากมีการยุบสภาก่อนจะพิจารณาร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ นายนรเศรษฐ์ กล่าวว่า ในกมธ.ฯ ก็มีการพูดคุยกัน ส่วนตัวเชื่อว่า ไม่น่าจะยุบสภาก่อนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จ เพราะทางพรรคการเมืองที่เข้ามาร่วม ในการแก้ไขครั้งนี้เป็นภารกิจที่ประชาชนมอบหมายให้อยู่แล้ว และเป็นต้นทุนของทุกพรรคการเมืองที่เป็นความคาดหวังของประชาชน ถ้าเกิดการยุบสภาขึ้นก็น่าจะส่งผลกระทบทางการเมืองต่อพรรคการเมืองที่ทำให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ








