วันที่ 9 พฤศจิกายน 2568 ดร.ธเนศร์ สมบูรณ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารจัดการน้ำและอุทกวิทยา กรมชลประทาน รายงานสถานการณ์น้ำในปัจจุบันว่า สถานการณ์น้ำที่เกิดขึ้นในขณะนี้สืบเนื่องมาจากปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ภาคเหนือ ประกอบกับอิทธิพลของพายุคัลแมกี ซึ่งยังคงมีอิทธิพลอยู่ในวันนี้ (9 พ.ย. 2568) แต่คาดการณ์ว่าอิทธิพลของพายุจะเริ่มมีแนวโน้มลดลงตั้งแต่พรุ่งนี้ (วันที่ 10 พฤศจิกายน) เป็นต้นไป
สำหรับสถานการณ์น้ำเหนือเขื่อนนั้น เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ยังคงสามารถรองรับปริมาณน้ำที่ตกเหนือเขื่อนได้ทั้งหมด ดังนั้น ปริมาณน้ำที่ต้องมีการบริหารจัดการในปัจจุบันจึงเป็นน้ำที่ไหลมาจากพื้นที่ท้ายเขื่อน ได้แก่ แม่น้ำปิง วัง ยม และน่าน ซึ่งจะไหลลงมาบรรจบกันที่จังหวัดนครสวรรค์ หรือที่สถานีวัดน้ำ C.2 สถานการณ์น้ำที่นครสวรรค์ขณะนี้มีแนวโน้มทรงตัว
อย่างไรก็ตาม ปริมาณน้ำที่ต้องบริหารจัดการได้เพิ่มขึ้นเนื่องจากฝนที่ตกท้ายเขื่อนอันเป็นผลมาจากพายุคัลแมกี ซึ่งมาเสริมกับน้ำที่ตกในบริเวณจังหวัดนครสวรรค์ พิษณุโลก พิจิตร รวมถึงฝนที่ตกในจังหวัดอุทัยธานี ทำให้มีปริมาณน้ำไหลด้านข้างเข้ามาเสริม โดยเฉพาะจากแม่น้ำสะแกกรัง ด้วยเหตุนี้เอง การบริหารจัดการน้ำที่เขื่อนเจ้าพระยาในวันนี้จึงต้องมีการปรับแผน โดยพยายามผันน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกให้มากที่สุด ณ วันที่ 9 พฤศจิกายน ได้มีการรับน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานถึง 590 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งมากกว่าเมื่อวาน และถือว่าเป็นการรับน้ำเข้าสู่ระบบอย่างเต็มที่แล้ว นอกจากนี้ กรมชลประทานยังพยายามรักษาและทดน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยาไว้ให้มากที่สุด โดยวันนี้รักษาระดับอยู่ที่ +17.7 เมตร ซึ่งถือว่ายังไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่เหนือเขื่อนเจ้าพระยา
หลังจากการบริหารจัดการน้ำเข้าสู่ระบบชลประทานอย่างเต็มที่แล้ว ปัจจุบันมีความจำเป็นที่จะต้องระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาออกไปในอัตราประมาณ 2,750 ถึง 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งถือเป็นมวลน้ำสูงสุดที่ไหลมาถึงเขื่อนเจ้าพระยาในวันนี้
ในส่วนของการบริหารจัดการน้ำในแม่น้ำป่าสักนั้น แม้เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์จะมีปริมาณน้ำเกือบ 100% แต่ก็ได้มีการใช้เขื่อนนี้ในการทดน้ำอย่างเต็มประสิทธิภาพเช่นกัน ปัจจุบันกรมชลประทานได้เริ่มมีแผนที่จะลดการระบายน้ำออกจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์แล้ว เนื่องจากเข้าสู่ช่วงปลายฤดูฝน เพื่อกักเก็บน้ำไว้และลดผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาและภาคกลาง โดยในวันพรุ่งนี้ (10 พ.ย.) ปริมาณน้ำที่ระบายจากเขื่อนป่าสักฯ ลงสู่แม่น้ำป่าสักจะลดลง น้ำส่วนนี้จะถูกบริหารจัดการผ่านประตูระบายน้ำพระนารายณ์ ส่งลงสู่คลองระพีพัฒน์ และผ่านเขื่อนพระราม 6 ซึ่งจะส่งผลให้ปริมาณน้ำจากแม่น้ำป่าสักที่ไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่บางไทรลดลงด้วย
มวลน้ำที่แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักไหลมารวมกันที่บางไทร มีอัตราประมาณ 2,700 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ซึ่งคิดเป็นประมาณ 68% ของความจุลำน้ำเจ้าพระยาที่บางไทรที่สามารถรับได้ ดร.ธเนศร์ ย้ำว่า ปริมาณน้ำส่วนนี้จะไม่มีผลกระทบต่อพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล
อย่างไรก็ตาม การระบายน้ำท้ายเขื่อนเจ้าพระยาที่อัตรา 2,750 ถึง 2,800 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที จะส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ โดยพื้นที่ที่จะได้รับผลกระทบคือบริเวณท้ายจังหวัดชัยนาทลงมา ได้แก่ จังหวัดชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ปทุมธานี และนนทบุรี
สำหรับการบริหารจัดการน้ำในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ต้องเฝ้าระวังและติดตามในเรื่องของฝนที่ตกในพื้นที่ รวมถึงน้ำทะเลหนุนสูง ซึ่งจะมีอิทธิพลถึงวันพรุ่งนี้ (วันที่ 10 พฤศจิกายน) กรมชลประทานจะเร่งบริหารจัดการน้ำโดยใช้ระบบชลประทานทั้งฝั่งตะวันออกและตะวันตกอย่างเต็มที่เพื่อลดผลกระทบของน้ำเหนือ ขณะเดียวกันในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล จะมีการเร่งระบายน้ำผ่านระบบคลองแนวตั้ง (คลองแนว ดิ่ง) เพื่อส่งไปยังคลองสูบน้ำประตูคลองชายทะเล และใช้สถานีสูบน้ำริมคลองชายทะเล เร่งสูบน้ำออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด
นอกจากนี้ ในแม่น้ำเจ้าพระยาเอง จะมีการใช้ประตูระบายน้ำคลองลัดโพธิ์อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ในการช่วยเร่งระบายน้ำ ในช่วงที่น้ำลงจะเปิดประตูเพื่อให้น้ำระบายออกสู่ทะเลให้เร็วที่สุด และเมื่อน้ำขึ้นจะปิดประตูเพื่อป้องกันไม่ให้น้ำทะเลหนุนหรือดันน้ำเข้ามา
ดร.ธเนศร์ ได้แจ้งให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบในจังหวัดชัยนาทลงมาจนถึงนนทบุรี สามารถติดต่อโครงการชลประทานในพื้นที่เพื่อขอความช่วยเหลือ หรือขอรับข้อมูลจากกรมชลประทานได้ กรมชลประทานได้มอบนโยบายให้หน่วยงานในพื้นที่เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยอย่างเต็มที่ หากประชาชนมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการจัดการน้ำ หรือต้องการแบ่งปันประสบการณ์การบริหารจัดการน้ำร่วมกัน ก็สามารถโทรศัพท์ติดต่อสายด่วน 1460 ศูนย์กรมชลประทานได้โดยตรง เพื่อร่วมกันบริหารจัดการน้ำในช่วงปลายฤดูฝนนี้ให้ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี








