เมื่อเวลา 10.00 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายศึกษิษฏ์ ศรีจอมขวัญ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวเปิดตัวรองโฆษกพรรคเพื่อไทย 4 คน ได้แก่ น.ส.ชญาภา สินธุไพร สส.ร้อยเอ็ด น.ส.ประภาพร ทองปากน้ำ สส.สุโขทัย นายกฤชนนท์ อัยยปัญญา อดีตโฆษกกระทรวงคมนาคม และนายพายุ เนื่องจำนงค์ อดีตรองโฆษกพรรคเพื่อไทย
โดยนายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า มีการตั้งคำถามว่ารัฐบาลเพิ่งอยู่มาแค่เดือนเดียว จะมีอะไรไปอภิปรายเขา แต่แค่วันนี้วันเดียวพรรคเพื่อไทยแถลงก็มี 2 ประเด็นแล้ว คือเรื่องการต่อสัญญา MotoGP และการบริหารจัดการน้ำ แสดงให้เห็นถึงความล้มเหลวในการบริหาร แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจที่จะผูกมัดนโยบายของตัวเองไปข้างหน้า ทั้งๆที่สัญญาว่าจะอยู่เพียงแค่ 4 เดือน ยังไม่รวมถึงสิ่งที่นายกฯพูดถึงการรุกล้ำอธิปไตย และการที่ไปลงนามสัญญา MOU แร่แรร์เอิร์ธ ไม่รวมถึงการโยกย้ายข้าราชการ ที่มีความขัดแย้งกับข้อเท็จจริง กับสิ่งที่เหมาะสมเป็นอย่างมาก
นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า หากจะอ้างถึงการแก้รัฐธรรมนูญก็ต้องถามต่อว่าความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของรัฐบาลนี้อยู่ตรงไหน สื่อมวลชน ประชาชนก็เห็นแล้วว่าในกรรมาธิการประธานไม่มาบ้าง มีการวอล์คเอาท์ของ สว.บ้าง องค์ประชุมล่มบ้าง เรื่องนี้ไม่ใช่ข้อแก้ตัวรัฐบาลมีความล้มเหลวในการบริหาร สร้างความเสียหายให้กับประเทศไปเรียบร้อยแล้ว และยังไม่มีความตั้งใจในการแก้รัฐธรรมนูญอีก ขอให้ติดตามหากมีข้อมูลสามารถส่งมาที่พรรคเพื่อไทยได้ สัญญาว่าจะเป็นปากเสียงให้ประชาชนในทุกเรื่อง
จากนั้น นายศึกษิษฏ์ แถลงถึงกรณีที่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบให้ประเทศไทยเสนอตัวเป็นเจ้าภาพแข่งขันรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก MotoGP อีก 5 ปี วงเงินงบประมาณเกือบ 4,000 ล้านบาทเมื่อวันที่ 4 พ.ย. ว่าพรรคเพื่อไทยเห็นด้วยที่รัฐบาลจะใช้มหกรรมการกีฬาขนาดใหญ่ดึงดูดการท่องเที่ยว เราเคยผลักดันโครงการใหญ่ๆเช่นโครงการ F1 จึงเข้าใจดี แต่ควรจะมีผลการตอบแทนที่เหมาะสม เพราะในช่วงที่พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล งาน MotoGP ต้องใช้ภาษีสนับสนุนมากขึ้นทุกปี เนื่องจากถูกผูกมัดสัญญาตั้งแต่รัฐบาลก่อนหน้านี้ แต่ภาคเอกชนสนับสนุนน้อยลงเรื่อยๆ สะท้อนว่าผู้เข้าชมลดจำนวนลง เช่นเดียวกับตัวเลขที่หน่วยงานราชการประเมินว่าผู้เข้าชมลดลง และผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่ประมาณการไปข้างหน้าก็ลดลงเช่นกัน แต่เหตุใดรัฐบาลยังให้การสนับสนุนของรัฐเพิ่มขึ้นกระโดดขึ้นจากรอบที่ผ่านมากว่า 50%
นายศึกษิษฏ์ กล่าวว่า ตนอยากตั้งคำถามว่าหรือเป็นเพราะว่าสัญญานี้ อาจจะใช้เป็นตัวประกัน เพราะพื้นที่สนามจัดแข่ง อยู่ในพื้นที่พิพาทกับรัฐในพื้นที่เขากระโดง จึงมีการตั้งข้อสังเกตว่า ถ้ามีการเพิกถอน ขับไล่ผู้ที่บุกรุกพื้นที่รัฐ จะนำสัญญานี้มาเป็นตัวประกันหรือไม่ เพื่อไม่ให้ขับไล่ได้ เพราะมีสัญญาผูกพันอยู่ จึงเป็นสาเหตุทำไมรัฐบาลที่ผ่านมายอมจ่ายเท่าไหร่ก็ต้องยอม เพื่อผูกมัดตรงนี้ไว้ โดยจ่ายค่าตอบแทนให้กับต่างชาติจำนวนสูง เพื่อไม่ให้รัฐบาลขับไล่ นำพื้นที่ของรัฐคืนมาได้ใช่หรือไม่ และมีการลงนามสัญญาไปแล้ว 5 ปี แม้ว่ารัฐบาลสัญญาอยู่แค่ 4 เดือน จึงอยากตั้งคำถามว่าใครกันแน่ ได้ประโยชน์ต่อโครงการนี้








