ผู้การวิศรุฒน์
ในการศึกระหว่างไทยกับกัมพูชา เริ่มต้นตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2568 หลังทหารกัมพูชา นำกำลังเข้ามาเผาศาลาตรีมุข ในพื้นที่ช่องบก และรุกเข้ามาในเขตแดนไทยแนวต้นพญาสัตตบรรณ 150 เมตร และรุกเข้ามาในหลายพื้นที่จนมีการขุดคูเรต และสร้างฐานที่มั่นทางทหาร
จากนั้น สถานการณ์เริ่มตึงเครียดและมีการเสริมกำลังและอาวุธหนักเข้ามาอยู่ในพื้นที่ชายแดน ฝ่ายไทยพยายามเจรจากดดันให้ทหารกัมพูชาถอนกำลังออกไปจากแผ่นดินไทย
จนเกิดการปะทะกันเกิดขึ้น 28 พค.2568 ในพื้นที่ช่องบก อ.น้ำยืน จ. อุบลราชธานี ส่งผลให้ทหารกัมพูชาเสียชีวิต1 นาย จน ผบ,ทบ. ไทย-กัมพูชา นัดเจรจากัน และระดับพื้นที่เจรจากัน และนำมาซึ่ง ทหารเขมร ถอนกำลังจาก แนวต้นพญาสัตตบรรณ
แต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของ การสู้รบครั้งใหญ่ ในรอบ 14 ปี หลังจากที่ ทหารเขมรได้วางทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไว้ในพื้นที่ ก่อนที่จะถอนกำลังออกมา
ส่งผลให้ต่อมา ทหารไทยเหยียบกับระเบิดขาขาด ในพื้นที่ช่องบก และในอีกหลายพื้นที่รวม6 นาย รับผลจากการเก็บกู้ทุนระเบิดยืนยันได้ว่าเป็นระเบิด แบบ PMN 2 ที่ ฝ่ายทหารเขมรวางใหม่ และถือว่าเป็นการละเมิดอนุสัญญาออตตาว่า
รวมถึงปัญหาความขัดแย้งระหว่างประชาชนไทยและกัมพูชาที่มาท่องเที่ยวบนปราสาทตาเมือนธม จนทำให้ “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 ประกาศปิดปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย 24 ก.ค. 2568 จนเกิดการปะทะและกลายเป็นการสู้รบกันตลอดแนวพื้นที่กองทัพภาค2 อีสานใต้ และมีการเจรจาหยุดยิง 28 กค.2568 ในเวลาเที่ยงคืน โดยที่ทางสหรัฐอเมริกาและมาเลเซีย เข้ามาเป็นคนกลางจากการร้องขอของฝ่ายกัมพูชากดดันให้ไทยหยุดยิง โดยใช้เรื่องภาษีทรัมป์ เป็นเครื่องมือ
ผลของการสู้รบ 4 คืน5วัน ประกอบกับภาพทหารไทยสามารถ ยึดปลายจะงอย ภูมะเขือและปักธงไทยได้ ไล่ทหารเขมรออกไป กลายเป็นผลงานสำคัญ ของแม่ทัพกุ้ง
แม้ว่าจะเสียปราสาทตาควายไปตั้งแต่คืนวันที่ 23 ก.ค. ข้ามสู่ 24 ก.ค. 2568 แล้วก็ตาม เนื่องจากทหารไทยให้ความสำคัญกับการปกป้องปราสาทตาเมือนธม และการรับมือ มากกว่าการป้องกันปราสาทตาควาย จึงถูกยึดไปอย่างง่ายดายตั้งแต่ การรบวันแรก โดยที่ทหารเขมรก็วางทุนระเบิด จำนวนมากจนทางไทยไม่สามารถเข้ามายึดคืนได้ส่งผลให้ ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บหลายนาย
แต่อย่างไรก็ตามกระแส ยึดภูมะเขือ ปักธงชาติไทย ที่มี สตอรี่ รวมทั้งวาทกรรม ที่ว่าในปฏิบัติการยุทธบดินทร์ครั้งนี้ทหารไทยสามารถยึดพื้นที่ได้ 11 จุด จึงกลายเป็นผลงานสำคัญของฝ่ายทหารไทย
แม้ว่าในความเป็นจริงแล้ว ทหารไทยเรายึดได้แค่ปลายจะงอยภูมะเขือ - ตลาดช่องอานม้า ฝั่งไทย เท่านั้น ส่วนพื้นที่อื่นล้วนเป็นพื้นที่ที่ทหารไทยยึดครองมาตั้งแต่ ก่อนการสู้รบปี 2554 แล้ว แต่ยังสามารถรักษาพื้นที่จากความพยายามเข้าโจมตีอย่างหนักของทหารกัมพูชาในครั้งนี้ไว้ได้
แต่หากคำนวณเป็นพื้นที่ก็จะพบว่าในหลายพื้นที่ที่ทหารไทยเคยยึดครองไว้นั้น จากการรบปี 2568 ทหารไทยสามารถยึดครองได้แบบ 100% คือได้พื้นที่เพิ่มขึ้นมาเช่น ภูมะเขือ พลาญยาว พลาญ หินแปดก้อน ช่องโดนเอาว์ ช่องตาเฒ่า จึงกลายเป็นผลงานสำคัญ ที่ลบรอยแผลในหัวใจจากการสูญเสียปราสาทตาควาย
การสู้รบ ครั้งนี้ เห็นชัดเจนว่า “แม่ทัพกุ้ง” พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค2 กลายเป็นฮีโร่ และกลายเป็นขวัญใจประชาชน จากการนำทำศึกเขมร
จนเกิดกระแส “แม่ทัพกุ้ง ฟีเวอร์” ในห้วงของการสู้รบ และ หลังการสู้รบ และจนแม่ทัพกุ้ง เกษียณราชการ เมื่อ 30 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา เสียงกรี๊ดเสียงเฮดังลั่นเสมอเมื่อ พล.ท.บุญสิน ปรากฏตัว ถึงขั้นที้มีคิวรับเชิญไปงานบรรยายพิเศษ และงานต่างๆอย่างต่อเนื่องหลังเกษียณไปจนถึง เดือนมกราคม 2569
การสู้รบกับกัมพูชาครั้งนี้จึงเป็นการเรียก คืนความศรัทธาที่ประชาชนคนไทยมีต่อกองทัพกลับคืนมา หลังจากที่เคยเพลี้ยงพล้ำ ในศึกการเมือง โดนพรรคส้มโจมตีตั้งคำถาม “ทหารมีไว้ทำไม”
โดยมีพลโทบุญสิน เป็นฮีโร่ และเดินสายบรรยายพิเศษพบปะเยาวชนนิสิตนักศึกษาประชาชน สร้างกระแสศรัทธากองทัพกลับคืนมา
แม้ว่าในขณะที่ดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาค2 ในระหว่างการสู้รบ อาจจะมีข้อผิดพลาดบ้างก็ตาม แม้แต่การสูญเสียประสาทตาควาย แต่ประชาชน ก็ไม่ได้โทษแม่ทัพกุ้ง
ในห้วงท้ายของการสู้รบ ในพื้นที่ของกองทัพภาค1 กองกำลังบูรพาที่ดูแลชายแดนไทย- กัมพูชาด้านจังหวัดสระแก้ว ถูกโจมตีจากกระแสโซเชียลมีเดียในไทย จากเหตุที่ไม่มีการสู้รบ หรือปะทะ เพราะการกระแสประชาชนต้องการให้ใช้โอกาสห้วงการสู้รบทำลายเมืองปอยเปต ที่เป็นรังของคอลเซ็นเตอร์
ส่งผลให้แม่ทัพใหญ่ พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1ในขณะนั้น กลายเป็นเป้าโจมตีอย่างหนัก ประกอบกับเป็นนายทหารน้องรักสายตรงของ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรีอดีตนายกรัฐมนตรี จนถูกสื่อบางสำนักโจมตีรวมไปด้วย
แม้จะมีการชี้แจงว่านโยบายของกองทัพบกของ “บิ๊กปู” พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบทบ. ไม่ได้มีคำสั่งให้กองทัพภาค1 ทำการสู้รบ เพราะถือเป็นพื้นที่การรบรอง ขณะที่พื้นที่การรบหลักคือ ในส่วนของกองทัพภาค2 ภายใต้การนำของ พล.ท.บุญสิน
แต่จะเห็นได้ว่าในห้วงท้ายของการสู้รบ พล.ท.อมฤต ในขณะนั้น ได้สั่งการให้กองกำลังบูรพา นำกำลังเข้ายึดทำลายพื้นที่แนวชายแดนที่ฝ่ายกัมพูชา เคยรุกล้ำและสร้างบ้านเรือนชุมชน รวมถึงนำรถถังไปจอดจ่อ ประชิดที่ด่านชายแดนปอยเปต แต่ก็ไม่ได้ทำการรบเนื่องจากไม่มีคำสั่งจาก ทบ.
และในห้วงวิกฤตบ้านหนองจานหนองหญ้าแก้วก็เป็นช่วงที่พลโทอมฤต ขยับจากแม่ทัพภาค1 ขึ้นมาเป็น พล.อ.ในตำแหน่งผู้ช่วยผบ. ทบพอดี
ประกอบกับปัญหาเกมการเมืองภายในกองทัพบกจึงทำให้ มีการเปรียบเทียบระหว่าง พล.ท.อมฤต กับ พล.ท.บุญสิน ที่ แตกต่างกันอย่างมาก ขณะที่ พล.ท.บุญสิน กลายเป็นฮีโร่ ที่มีผลงาน ฝ่าย พล.ท.อมฤต ก็บาดเจ็บสาหัสจากการถูกโจมตีทางโซเชียลมีเดียและหน้าสื่อ
ไม่แค่นั้นกระแสต่อต้านการเปิดด่าน ยังทำให้ “บิ๊กเล็ก” พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ ในขณะที่เป็นรักษาการ รมว. กลาโหมและรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ต่อเนื่องกับการจะเป็น รมว. กลาโหมในรัฐบาลภาคภูมิใจไทย ถูกโจมตีอย่างหนักแบบที่เรียกว่าทัวร์ลงยับ จนทำให้ อนุทิน นายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องประกาศยืนยันว่าจะไม่เปิดด่าน ขณะที่ พล.อ.ณัฐพล เอง ก็ประกาศขอเลิกพูดเรื่องการเปิดด่าน
และกลายเป็นนายทหารชั้นนายพล อีกคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชาครั้งนี้ แม้ในข้อเท็จจริงหลายประการ ตัว พล.อ.ณัฐพล อาจไม่ใช่สาเหตุ หรือเจ้าของแนวคิด แต่ก็ไม่เคยโยนความผิดให้ใคร ได้แต่ก้มหน้ายอมโดนถล่มโจมตี
กล่าวกันว่านี่คือ ลักษณะเด่นของ พล.อ.ณัฐพล ตั้งแต่รับราชการทหารในกองทัพบก จนทำให้เป็นน้องรักของ พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นคนที่เก็บความรู้สึกเก็บความลับ มาโดยตลอด
จนมีกระแสข่าวว่ามีผู้ใหญ่ในบ้านเมืองให้กำลังใจ พล.อ.ณัฐพล และขอให้ พล.อ.ณัฐพล ชี้แจงตอบโต้กระแสโจมตีนั้นบ้าง แต่พล.อ.ณัฐพล ก็เลือกที่จะยอมทัวร์ลง จนมีเรื่องเล่าในกระทรวงกลาโหม ว่า ห้องทำงานของ รมว.กลาโหม ได้ชื่อว่าเป็นห้องทำงานรัฐมนตรีที่สวยงามและศักดิ์สิทธิ์ที่สุด เพราะมองออกไปก็จะเห็น วัดพระแก้ว พระบรมมหาราชวัง และผืนธงมหาราช
และมี นายทหารในกลาโหม ได้ยิน พล.อ.ณัฐพล บ่นรำพึงในยามท้อแท้ ในห้วงที่ผ่านมา โดยมองออกไปนอกหน้าต่างพร้อมกล่าวว่า ไม่มีวันที่จะทำสิ่งไม่ดีต่อชาติบ้านเมือง นั่งทำงานตรงนี้หน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของประเทศ มีแต่จะบอกว่าจะทำเพื่อประเทศชาติและทำให้เกิดความสงบสุขประชาชนปลอดภัย
ด้วยเพราะปัญหาระหว่างไทยกัมพูชา มีแค่สองทางเลือกหากจะรบกันต่อไปแบบนี้ยันรุ่นลูกรุ่นหลาน หรือการหันมาเจรจาและปักปัน เขตแดนด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่เป็นที่ยอมรับของทั้งสองฝ่าย ทำให้ปัญหาที่มีมากกว่า ร้อย ปีเรื่องข้อพิพาทดินแดนจบลงในยุคนี้
แต่ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ อนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ พลเอก ฮุนมาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาลงนามในข้อตกลงสันติภาพที่มามาเลเซีย 26 ตุลาคม 2568 โดยมีประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์สหรัฐอเมริกา และ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซียและประธานอาเซียนเป็นสักขีพยาน
ในประเทศไทยก็มีการปลุกกระแสว่าเป็นข้อตกลงที่ทำให้ฝ่ายไทยเสียเปรียบและปิดโอกาสการสู้รบในรอบสอง และการทวงคืนปราสาทตาควาย ส่งผลให้ พล.อ.ณัฐพล ซึ่งมีข้อมูลวงในมั่นใจว่าในที่สุดปราสาทตาควายซึ่งอยู่บนอธิปไตยไทยจะได้กลับคืนสู่พี่น้องคนไทย ในที่สุดจึงออกมาประกาศที่ทวงคืนปราสาทตาควาย ด้วยการเจรจาก่อนและหากไม่สำเร็จก็อาจต้องใช้กำลัง
แต่กระแสข่าวในกองทัพไทย ค่อนข้างมั่นใจว่าหากมีการใช้เทคโนโลยี LiDAR ในการสำรวจเขตแดนและทำหลักเขตแดนใหม่ ในที่สุดปราสาทตาควายจะปรากฏชัดว่าอยู่ในเขตอธิปไตยไทย และในที่สุดกัมพูชาจะต้องถอยออกไป แม้ว่าจะมีบางพื้นที่ที่ฝ่ายทหารไทยก็อาจจะต้องถอนกำลังออกมาก็ตาม
เป็นอันสรุปว่าการสู้รบระหว่างไทยกับกัมพูชา ครั้งนี้นอกจากทำให้ทหารไทยผู้กล้าเสียชีวิตไป 15 นาย และเสียขาไปอีก 6 นาย แล้วยังมีนายทหารชั้นนายพล ที่บาดเจ็บสาหัส จากสงครามโซเชียลสงครามข่าวสาร ด้วยหลายคน
ขณะที่ พล.ท.บุญสิน กลายเป็นแม่ทัพกุ้งผู้อมตะ แม้จะเกษียณราชการแล้วในฐานะที่ปรึกษาผบ. ทบเพื่อนร่วมรุ่นเตรียมทหาร 26 ก็ยังคงเดินสายบรรยายพิเศษ โดยสวมชุดพรางติดเครื่องหมาย นก. นายทหารนอกราชการ ยังคงเป็นฮีโร่ ต่อไป
#แม่ทัพกุ้ง #รบเขมร #ไทยกัมพูชา #พลเอกณัฐพล #พลโทบุญสิน








