เมื่อ 7 พ.ย. 2568 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์รายการประเทศไทยต้องมาก่อน โดยกระตุ้นนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกฯ ใช้เวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 3 เดือนแก้ปัญหาแก็งสแกมเมอร์ให้สิ้นซากก่อนยุบสภา เพราะประเทศจะพังจากเงินเทาซื้อเสียงยึดไทย
อีกทั้งเสนอว่า อีกทางเลือกปราบแก๊งสแกมเมอร์ คือ ฝ่ายค้านควรใช้สิทธิ์ยื่นเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อระดมข้อมูลขยี้รัฐบาลให้เร่งรีบแก้ปัญหาสแกมเมอร์ ถ้าเลือกแค่เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างเดียว ก็เชื่อว่า นายอนุทิน จะชิงยุบสภาก่อน ซึ่งฝ่ายค้านคงไม่ได้อภิปรายและเท่ากับปล่อยเครือข่ายหลอกลวงต้มตุ๋นไปหว่านเงินหาเสียงเลือกตั้งเข้ามายึดประเทศ
“ก่อนจะยุบสภาไปเลือกตั้ง นายกฯ ควรจัดการแก๊งสแกมเมอร์ให้เกลี้ยงประเทศเสียก่อน เพราะป้องกันไม่ให้พวกเงินเทาไปสู้เอาตัวรอดในสนามเลือกตั้งเพื่อเข้ามายึดอำนาจสภา รัฐบาล และหน่วยงานรัฐปกป้องตัวเอง แล้วประเทศจะอยู่ในสภาพอย่างไร เมื่อแก๊งพวกนี้ยึดชาติเอาไว้”
นายจตุพร กล่าวว่า การปราบแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งเป็นปัญหารวมของการพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ต้มตุ๋น และขบวนการฟอกเงิน แก๊งหลอกลวงนี้ทำให้คนไทยสิ้นเนื้อประดาตัว นอกจากนี้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีต รอง ผบ.ตร. กับนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เปิดข้อมูลพุ่งเป้าไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สนช.) และอดีตนายกฯ โดยเป็นข้อมูลที่มีน้ำหนักมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลบางส่วนของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ พาดพิงถึงนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกฯ สั่งไม่ให้ไปยุ่งเกี่ยวกับการปราบแก๊งสแกมเมอร์ที่ชเวโกะโก แต่ต้องรอให้อดีตนายกฯ ได้ชี้แจงข้อเท็จจริงต่อสาธารณะอย่างกระจ่างแจ้ง
"เรื่องนี้ถ้าล้างบางผู้เกี่ยวข้องขนานใหญ่แล้ว ไม่รู้คุกจะพอขังหรือไม่ เพราะปล่อยปละละเลยและมีตำรวจเข้ามาเกี่ยวข้องเกี่ยวพันกันมากมาย ซึ่งเป็นข้อมูลที่มีน้ำหนักเมื่อเปิดผังโยงกล่าวหาคนเกี่ยวพันแต่ละส่วนจึงทำให้เหตุการณ์ไปไกลมาก แต่ สนช.กลับไม่สืบสวนสอบสวน"
พร้อมทั้ง กล่าวว่า ผบ.ตร. ตอบโต้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ โดยเน้นปกป้ององค์กรตัวเองจนดูเหมือน สนช.แตะต้องไม่ได้ แต่ไม่ดำเนินสอบสวนตำรวจที่ถูกกล่าวหาใดๆ ทั้งสิ้น ซึ่งวิธีการเช่นนี้ไม่มีวันจบปัญหาสแกมเมอร์ได้เลย
สิ่งสำคัญเมื่อสหรัฐ อังกฤษ สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ยึดทรัพย์กิจการเครือข่ายเฉิน จื้อ รวมถึงสหรัฐขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ 11 คนไทยห้ามเข้าประเทศ และเฝ้าระวังอีก 12 คน โดยเชื่อว่า ทางการไทยคงมีข้อมูลชุดนี้ครบถ้วนแล้ว
"ปัญหานี้เป็นเกมบังคับให้อนุทินจัดการ หากอยู่แบบคนอึดอัด ถ้าไม่จัดการเป็นรูปธรรมแล้ว ปัญหาอารมณ์คนไทยจะพุ่งเข้าใส่ที่ตัวนายกฯ ดังนั้น การปราบสแกมเมอร์ต้องทำให้เกิดรูปธรรม"
ส่วนพรรคประชาชน แม้มีความตั้งใจและขยันขันแข็งถึงขั้นประกาศแคมเปญหาเสียงเลือกตั้งว่า "มีเราไม่มีเทา" แต่อีกด้านหนึ่งก็เกื้อหนุนให้นายอนุทินเป็นนายกฯ โดยรับรู้ถึงใครจะเข้ามาเป็นรัฐมนตรี ดังนั้น การเรียกร้องให้ปลดนายธรรมนัส พรหมเผ่า ออกจากรัฐมนตรี ส่วนหนึ่งมีต้นเหตุมาจากพรรคประชาชนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลกล่าวหาแก๊งสแกมเมอร์ของพรรคประชาชน ยังเน้นประเด็นทางการเมือง โดยไม่พุ่งเป้าให้ดำเนินการทางกฎหมายเหมือนการเปิดโปงของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ และนายอัจฉริยะ ที่ต้องการเอาผิดกับตำรวจและเครือข่ายทั้งหมด
อีกอย่างย้ำว่า นายอนุทินกับหัวหน้าฝ่ายค้านควรพูดคุยถึงข้อมูลแก๊งสแกมเมอร์ด้วยกัน ถ้าพรรคประชาชนแค่แถลงข่าวในเรื่องนี้ คงไม่แตกต่างจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจตรวจสอบอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ กรณีตั๋วพีเอ็น สนามกอล์ฟอัลไพน์ และการรุกที่ดินเขาใหญ่ ซึ่งจบลงเพียงการเล่าสู่กันฟัง สร้างกระแสทางการเมืองเท่านั้น
"ถ้าฝ่ายค้านจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่ได้ข้อเท็จจริง เพราะเขาจะยุบสภาก่อน หรือนายอนุทินปล่อยให้อภิปรายฯ สร้างกระแสอื้ออึงแล้วชิงลาออกจากนายกฯ ซึ่งสูตรนี้อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน แต่ทุกคนบาดเจ็บสาหัสและการเมืองวุ่นวายเละเทะกับหาคนมาเป็นนายกฯ ใหม่"
นายจตุพร ย้ำว่า ดังนั้น เพื่อไม่ให้กระทบการแก้ รธน. หรือ MOA และเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย ก็ควรเปิดอภิปรายทั่วไป เพราะการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นเรื่องง่าย แต่ไม่ได้อภิปราย จะยุบสภาก่อน
สิ่งสำคัญปัญหาแก๊งสแกมเมอร์ในวันนี้ สนช.ต้องถูกล้างบางกันขนานใหญ่ แค่การปฏิรูปองค์กรคงไม่เพียงพอ เพราะประชาชนคาดหวังอะไรไม่ได้ ดังนั้น นายกฯ ต้องไม่ปล่อยปละละเลย อย่าไปกลัวว่า องค์กรจะพัง แต่ต้องกลัวว่าประเทศจะพังกับเงินแก๊งสแกมเมอร์มาซื้อยึดประเทศ
ส่วนการแก้ปัญหาความตึงเครียดชายแดนไทย-กัมพูชา นายจตุพร กล่าวว่า แม้เป็นปัญหาหลักของรัฐบาลเช่นกัน แต่แก้ไขได้ยากมาก เพราะอารมณ์ความรู้สึกคนไทยต้องการเอาปราสาทตาควายกลับคืน อีกทั้งการปล่อย 18 เชลยศึกกัมพูชา รวมถึงยกเลิก MOU 43 ยังเป็นปัญหาสร้างความยากลำบากให้รัฐบาลเช่นกัน
#จตุพรพรหมพันธุ์ #อนุทิน #แก๊งสแกมเมอร์ #เงินเทา #ยุบสภา #อภิปรายทั่วไป #การเมืองไทย #ปราบโกง








