รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี หารือสภาองค์กรของผู้บริโภค ผลักดัน 4 มาตรการเข้ม คุ้มครองผู้บริโภค ทั้งการซื้อสินค้าออนไลน์ สินค้าไม่ได้มาตรฐาน พร้อมบังคับใช้กฎหมายค่าน้ำ-ไฟ ห้องเช่า-หอพักราคาแพง
เมื่อวันที่ 6 พ.ย.68 นายสันติ ปิยะทัต รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ร่วมหารือกับ นางสาวสารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการสภาองค์กรของผู้บริโภค ถึงแนวทางการทำงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภค โดยต่างเห็นพ้องร่วมกันขับเคลื่อนประเด็นสำคัญให้เกิดผลในระยะ 4 เดือน และการรับทราบนโยบายการคุ้มครองผู้บริโภค รวม 4 ประเด็น ได้แก่ ผลักดันกลไกการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนภูมิภาคให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น เพื่อขยายฐานการคุ้มครองให้รอบด้าน เพื่อให้ผู้บริโภคในทุกจังหวัดสามารถเข้าถึงสิทธิและกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียมและทั่วถึง , ผลักดันแนวทาง Know Your Merchant (KYM) เพื่อยกระดับความโปร่งใสในการซื้อขายสินค้าและบริการผ่านช่องทางออนไลน์และการขายตรง ให้ผู้บริโภคสามารถตรวจสอบตัวตนของผู้ขายทั้งในช่องทางออนไลน์และการขายตรง โดยกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องจดแจ้งกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค หรือ สคบ. และแสดงหมายเลขทะเบียนบนเว็บไซต์หรือแพลตฟอร์ม ช่วยลดความเสี่ยงจากการซื้อขายกับผู้ขายที่ไม่สามารถติดตามตัวได้ และป้องกันการหลอกลวงจากกลุ่มสแกมเมอร์ที่แฝงตัวในช่องทางออนไลน์ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเลือกซื้อสินค้าและการบริการอย่างปลอดภัย , เร่งบังคับใช้กฎหมาย ป้องกันการเรียกเก็บค่าน้ำค่าไฟเกินอัตราในที่พักอาศัย เพื่อคุ้มครองสิทธิผู้บริโภคจากการถูกเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด โดยเฉพาะในกลุ่มบ้านเช่าและหอพัก ซึ่งยังพบการฝ่าฝืนประกาศที่ห้ามเรียกเก็บค่าสาธารณูปโภคเกินอัตรา ส่งผลกระทบโดยตรงต่อประชาชนกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะนักเรียนและนักศึกษา โดยขอให้ สคบ. ดำเนินมาตรการลงโทษผู้ประกอบการที่ไม่ปฏิบัติตาม และ ผลักดันร่างกฎหมายความชำรุดบกพร่อง (Lemon Law) เพื่อคุ้มครองผู้บริโภคที่ซื้อสินค้าที่มีตำหนิหรือใช้งานไม่ได้ แม้จะผ่านการซ่อมแล้วก็ตาม โดยเสนอให้ผู้บริโภคมีสิทธิคืน เปลี่ยน หรือยกเลิกการใช้สินค้า โดยได้รับเงินคืนจากผู้ขาย ลดภาระการฟ้องร้องด้วยตนเอง รวมถึง การตั้งกองทุนเยียวยาความเสียหายจากสินค้าชำรุด เพื่อสร้างความมั่นใจและสร้างความเป็นธรรมให้แก่ผู้บริโภค
ทั้งนี้ นายสันติ กล่าวว่า การหารือร่วมกับสภาองค์กรของผู้บริโภควันนี้ เป็นไปด้วยดี โดยรัฐบาลจะเร่งผลักดันนโยบายที่มีความเห็นตรงกัน เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคให้เร็วที่สุด แม้บางเรื่องอาจดำเนินการไม่ทันในวาระรัฐบาลชุดนี้ แต่จะเสนอไว้เพื่อให้รัฐบาลชุดต่อไปสามารถสานต่อได้ทันที








