ซีพีเอฟ จับมือจุฬาฯ-อบก.-สสว.-ดีป้า ลงนาม MOU ผลักดัน SME คู่ค้าในห่วงโซ่อุปทานสู่มาตรฐานความยั่งยืนและดิจิทัล พร้อมโครงการ “SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก” ลดก๊าซเรือนกระจก-เพิ่มขีดแข่งขันสู่เป้าหมาย Net Zero
วันที่ 5 พ.ย.68 บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ เดินหน้าขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืนในห่วงโซ่อุปทาน โดยผนึกกำลังกับพันธมิตร 4 หน่วยงานหลัก ได้แก่ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก., สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) และ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) เพื่อยกระดับศักยภาพผู้ประกอบการธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) คู่ค้าของซีพีเอฟ ให้มีความเข้มแข็งและพร้อมแข่งขันในเศรษฐกิจโลกที่ให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากขึ้น
นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ผู้ประกอบการ SME ถือเป็น “หัวใจของเศรษฐกิจไทย” มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนการจ้างงาน การพัฒนานวัตกรรม และเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานของประเทศตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ในยุคที่เศรษฐกิจโลกเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน SME ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ กฎระเบียบทางการค้าที่เข้มงวดขึ้น สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีอย่างรวดเร็ว
ซีพีเอฟจึงได้ดำเนิน โครงการ “SMEx ต้นทุนต่ำ นำรักษ์โลก” ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ Partner to Grow: เติบโต เคียงข้าง อย่างยั่งยืน เพื่อสนับสนุนให้คู่ค้า SME ในห่วงโซ่อุปทานสามารถยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน ภายใต้ความร่วมมือ ทั้ง 5 องค์กรจะถ่ายทอดความรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตด้วยแนวทาง Lean Six Sigma ควบคู่กับการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และได้บูรณาการความร่วมมือพันธมิตรรัฐและสถาบันการศึกษา ในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการบริหารจัดการต้นทุนและทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตลอดจนก้าวถึงแหล่งทุนในการพัฒนาอย่างยั่งยืน สนับสนุนการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและส่งเสริมการได้รับรองการใช้เครื่องหมายรับรองฉลากคาร์บอน
“SME เป็น Backbone สำคัญของเศรษฐกิจไทย ซีพีเอฟมีคู่ค้า SME ในห่วงโซ่อุปทานกว่า 5,000–6,000 ราย และเราเชื่อว่าการเติบโตอย่างยั่งยืนต้องเดินไปพร้อมกัน ความร่วมมือครั้งนี้จะเป็น Best Practice แนวทางช่วยส่งเสริมให้ SME ไทยสามารถเติบโตทางธุรกิจ ควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและสังคมได้อย่างสมดุล” นายประสิทธิ์ กล่าว
ด้าน รศ.ดร. วิทยา วัณณสุโภประสิทธิ์ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่าSME คือเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย จุฬาฯ พร้อมสนับสนุนด้วยองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีการจัดการคาร์บอนเครดิต การพัฒนาบุคลากร และแพลตฟอร์มการเรียนรู้ด้าน ESG และ SDGs เพื่อให้ SME มีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้อำนวยการ อบก. กล่าวว่า อบก. มีภารกิจหลักในการส่งเสริมการลดและรับรองการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การเข้าร่วมของ SME จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความเข้มแข็งให้กับธุรกิจในระยะยาว”
ดร.ปณิตา ชินวัตร รักษาการแทนผู้อำนวยการ สสว. กล่าวว่า ธุรกิจ SME นับเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศไทย SME มีสัดส่วน 99.5% ของธุรกิจทั้งหมดในประเทศ และสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจ หรือ GDP ประมาณ 35% โครงการนี้เป็นตัวอย่างของความร่วมมือในการพัฒนาขีดความสามารถของ SME ที่ครบมิติ ทั้งด้านธุรกิจ สิ่งแวดล้อม และเทคโนโลยี ช่วยให้ SME ไทยดำเนินธุรกิจได้อย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน”
ดร.ปรีสาร รักวาทิน รักษาการรองผู้อำนวยการใหญ่ กลุ่มงานส่งเสริมการประยุกต์ใช้ดิจิทัล ดีป้า กล่าวเสริมว่า “ดีป้าให้ความสำคัญกับการผลักดันผู้ประกอบการ SME ให้ก้าวสู่เศรษฐกิจดิจิทัลอย่างยั่งยืน โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ AI Transformation ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการยกระดับประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจ ลดต้นทุน พร้อมทั้งเปิดโอกาสในการขยายธุรกิจและการตลาดให้ตอบโจทย์ความต้องการของ SME ในยุคการแข่งขันที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล (Data-driven Economy)”
ภายใต้ความร่วมมือระหว่างพันธมิตรทั้ง 5 องค์กร จะร่วมกันสนับสนุนให้คู่ค้า SME มีขีดความสามารถสูงขึ้น ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้เพื่อยกระดับขีดความสามารถดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน ปรับตัวได้รวดเร็วต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก และพร้อมร่วมขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมาย “การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero)” ร่วมกัน เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล








