ความเคลื่อนไหวที่แนวรบ “พรรคประชาธิปัตย์” เกิดขึ้นตามจังหวะ และการคาดหมายกันเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า เมื่อผ่านพ้นการเลือก “หัวหน้าพรรคคนใหม่” จะได้เห็น ปรากฎการณ์ เลือดไหลออกจากพรรคตามมา
การกลับมาของ “อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” ในตำแหน่งหัวหน้าพรรคคนใหม่ ด้วยการโหวตลงคะแนนท่วมท้นโดยไม่มีการเสนอชื่อผู้ท้าชิงรายอื่นเข้ามา ด้านหนึ่งคือสัญญาณที่สะท้อนแล้วว่า “ขั้วอำนาจเก่า” ที่นำโดย “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” อดีตหัวหน้าพรรค และ “เดชอิศม์ ขาวทอง” อดีตเลขาฯ คืนอำนาจการบริหารให้กับ กล่มที่สนับสนุนอภิสิทธิ์ แล้วเพื่อให้ประชาธิปัตย์ เดินหน้าไปต่อ
รายงานข่าวร้อนล่าสุด ระบุว่า เฉลิมชัย ได้ยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เรียบร้อยแล้ว และเตรียมนำ สส.ประจวบคีรีขันธุ์ และกลุ่ม สส.ภาคกลางบางส่วนที่อยู่ในสังกัด “กลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย” ทยอยลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
จากนั้นจะมุ่งหน้าไปเข้าสังกัด “พรรคกล้าธรรม” ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม
นอกจากกลุ่มเพื่อนเฉลิมชัย ที่ขยับออกแล้ว ยังจะมี “กลุ่มเดชอิศม์” จะลาออกตามไปเร็วๆนี้ โดยจะไปสมทบกันที่พรรคกล้าธรรม ซึ่ง “เนื้อหอม” ไม่แพ้ พรรคภูมิใจไทย ของ “อนุทิน ชาญวีรกูล” นายกฯและรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่เปิดปฏิบัติการ “ดูด” กันล่วงหน้าไปก่อนแล้ว
การตัดสินใจของเฉลิมชัย และเดชอิศม์ ครั้งนี้ ถูกตั้งข้อสังเกตมาตั้งแต่วันที่มีสัญญาณชัดเจนว่า หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ จะเป็นอภิสิทธิ์ เพราะหากขั้วอำนาจเก่าไม่ถอย ความขัดแย้งภายในพรรคก็ยากที่จะยุติ และจะรวมไปถึงการกลับมาฟื้นฟูพรรคของอภิสิทธิ์ และฝ่ายสนับสนุน จะกลายเป็นเรื่องยากตามมาทันที
การถอยออกจากพรรคของกลุ่มเฉลิมชัย และเดชอิศม์ ครั้งนี้ด้านหนึ่งคือการส่งสัญญาณ ว่าภารกิจของหัวหน้าคนใหม่ ย่อมไม่ใช่แค่เรื่อง “เฉพาะหน้า” คือการเตรียมจัดทัพลงสนามเลือกตั้งภายใน 4 เดือนนี้ ซึ่งอาจเร็วขึ้น เมื่อ นายกฯอนุทิน บอกแล้วว่า การยุบสภาฯ อาจ “เร็วขึ้น” หากฝ่ายค้าน ยื่นญัตติซักฟอกเข้าสภาฯ
เนื่องจากการฟื้นฟูพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะที่ผ่านมาตั้งแต่การเลือกตั้ง 2562 สถานการณ์ของพรรค “ดิ่งลง” อย่างต่อเนื่อง ทั้งจำนวนสส.และ “กระแสความนิยม” ดังนั้นภารกิจของอภิสิทธิ์และ จึงอยู่ที่การสร้างพรรคระยะยาว จากนี้ไปจนถึงหลังการเลือกตั้งในปีหน้าด้วยซ้ำ !
วันนี้ 5 พ.ย.อภิสิทธิ์ ประกาศขอเริ่มนับจากศูนย์เชิญชวน คนมาสร้างพรรค เพื่อไปสร้างประเทศกันใหม่ ส่วนปัญหาเลือดเก่า ไหลออก นั้นเป็นเรื่องที่ “เข้าใจได้” ตั้งแต่วันที่โหวตเลือกหัวหน้าแล้ว
การเปลี่ยนแปลงภายในพรรคประชาธิปัตย์ กำลังดำเนินไปในลักษณะที่เรียกได้ว่า “ล้างไพ่” เปลี่ยนขั้วอำนาจ ส่วนการที่ “กลุ่มเฉลิมชัย” และ “กลุ่มเดชอิศม์” ย้ายไปอยู่กับพรรคกล้าธรรม แล้วจะกลายเป็นการไปเสริมความแข็งแรง ในพื้นที่ภาคใต้ บางส่วน อุดช่องโหว่ให้ร.อ.ธรรมนัส ได้หรือไม่ ยังต้องรอการพิสูจน์ !?








