การเมืองทั่วไป

นายกฯ ย้ำไทยไม่ใช่ศูนย์กลางสแกมเมอร์ แต่เป็นประเทศถูกใช้เป็นฐานฟอกเงิน ลั่น ไม่มีนักเลง-มาเฟียคนไหนใหญ่กว่ารัฐบาล

แชร์ข่าว

เมื่อเวลา 09.10 น.วันที่ 5 พ.ย. 68 ที่พารากอน ฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย  แสดงวิสัยทัศน์ในงาน THE STANDARD ECONOMIC FORUM 2025 ในหัวข้อ “Thailand’s Next Frontier : A National Economic Vision วิสัยทัศน์ประเทศไทยในโลกใหม่” ในรูปแบบการสัมภาษณ์  โดยผู้ดำเนินรายการถามเรื่องการปราบปรามสแกมเมอร์

นายกฯ กล่าวว่า เราต้องทำความเข้าใจก่อนที่จะบอกว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการฟอกเงิน ไม่ค่อยแฟร์ สแกมเมอร์เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ เราอยู่ตรงกลางเป็นประเทศตรงกลาง ในรอบรอบประเทศที่ทำสแกมเมอร์  สิ่งที่ทำให้คนที่ทำธุรกิจเหล่านี้ ไม่ใช่สแกมเมอร์อย่างเดียว แต่มีเรื่องยาเสพติด เรื่องการค้ามนุษย์ เป็นสิ่งที่ไม่ใช่สีเทาแต่เป็นสีดำ ที่ต้องใช้ประเทศไทยเป็นฐานในเรื่องการฟอกเงิน สิ่งที่เราต้องทำให้ได้ในประเทศไทยคือมีกฎหมายที่เคร่งครัด และเข้มงวดมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องตั้งใจที่จะปราบปรามสิ่งนี้ ซึ่งเรามีกลไกล สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.)ได้เตรียมไว้หมด และทำไปเยอะแล้ว

นายกฯ กล่าวว่า แต่ของแบบนี้เป็นเรื่องของการปฏิบัติในทางลับ จะไปบอกว่าทำอะไรไม่ได้  เพราะเรื่องนี้เทคโนโลยีเปลี่ยนทุกวัน ฉะนั้นตนบอกเสมอว่าเราต้องอยู่เหนือคนกระทำผิด ไม่ใช่ไล่ตามเป็นโบลิศจับขโมย และหากต้องการเครื่องไม้เครื่องมือรัฐบาลก็พร้อมสนับสนุน ในเรื่องการเกรงกลัวผลประโยชน์ใดๆ นายกฯ ยืนยันกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)ว่า เราเป็นรัฐบาลไม่มีนักเลงคนไหน ไม่มีมาเฟียคนไหน มีขาใหญ่คนไหนที่จะใหญ่กว่ารัฐบาลได้ ในเมื่อรัฐบาลไม่เกรงกลัวผู้ปฏิบัติก็ต้องไม่กลัวด้วย

นายกฯ กล่าวต่อว่า ส่วนนโยบายที่เป็นรูปธรรมเชิงรุกนั้น ความจริงแล้วเราทำงานอยู่ตลอดยาเสพติดจับได้เดือนเดียวหลายสิบล้านเม็ด สแกม ยึดทรัพย์ 2 หมื่นกว่าล้านบาท แบล็คลิสต์และอาหรับยัดทรัพย์เยอะมาก แต่ของแบบนี้ไม่สามารถบอกได้เป็นการสืบในทางลับและขยายผลยึดทรัพย์ไปเรื่อยๆสัปดาห์ที่แล้วมีการถอนสัญชาติขาใหญ่รายหนึ่งที่ม่สัญชาติไทย 30 ปี รัฐบาลของตนเข้ามา 3 อาทิตย์ถอนสัญชาติเรียบร้อย ไม่เห็นมีปัญหาอะไรก็จะดำเนินการต่อไปยังเครือข่าย

ข่าวแนะนำ