ข้าชั่ว เอ็งก็เลว วลีนี้สะท้อนสภาพการเมืองไทยในห้วงเวลาที่การตรวจสอบกันเองระหว่างพรรครัฐบาลและฝ่ายค้านไม่ใช่เพียงแค่เกมสงครามวาทกรรมอีกต่อไป หากแต่กลายเป็น “ศึกแลกหมัด” ที่เดิมพันถึงชะตากรรมของทั้งสองฝ่าย เมื่อพรรคประชาชนเป็นฝ่ายจุดชนวนก่อนด้วยการเปิดโปงประเด็น “ทุนเทา” และ “โควตาสลากกินแบ่ง” ที่ส่อมีการรั่วไหล ซึ่งพุ่งเป้าโดยตรงไปที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า แกนนำพรรคกล้าธรรม
ฝ่ายพรรคกล้าธรรมจึงไม่ยอมตกเป็นฝ่ายถูกรุกไล่อยู่ฝ่ายเดียว แต่กลับเลือก “สวนหมัด” กลับด้วยการเปิดเอกสารกล่าวหาพรรคประชาชนว่ามีการนำเงิน “ค่าตอบแทนผู้ช่วย ส.ส.” มาหลอกใช้สมัครสมาชิกพรรคผ่าน “บัญชีม้า” ซึ่งอาจเข้าข่ายผิดตามกฎหมายฟอกเงิน
ศึกนี้จึงทวีความเข้มข้น ยกระดับจากวาทกรรม สู่ “การตรวจสอบทางการเมือง” และ “การดำเนินคดีอาญา” โดยตรง เปลี่ยนจากการโต้แย้งตามหน้าสื่อ มาเป็นการใช้กฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (พ.ร.บ.ฟอกเงิน) และ พ.ร.ป.พรรคการเมือง มาตรา 92 เพื่อหวังผล “ยุบพรรค” ซึ่งเป็นเดิมพันสูงสุดในเกมนี้ ขณะที่พรรคประชาชนจากผู้ตรวจสอบ กลายเป็นผู้ถูกตรวจสอบเองแบบย้อนศร
ขณะที่พรรคประชาชนโต้กลับว่าเป็นการ "เอาคืน" ของพรรคกล้าธรรม ที่ถูกพรรคประชาชนตรวจสอบหนัก พร้อมกับยืนยันว่าไม่มีนโยบายเอาเงินผู้ช่วนสส.ซื้อสมาชิกพรรคเนื่องจากมีผู้สนใจสมัครสมาชิกพรรคจำนวนมาก แค่เดือนเดียวก็มีสมาชิกครบถ้วนแล้ว
การปะทะกันครั้งนี้อาจเป็นการแก้เกี้ยว หรือไม่ อย่างไร แต่ก็สะท้อนถึงการไต่ระดับการใช้กลไกกฎหมายที่มีน้ำหนักสูงเข้าตรวจสอบของเกมการเมืองไทยยุคใหม่ ที่ทุกฝ่ายพร้อมเสี่ยง แม้เดิมพันอาจหมายถึงการ “ดับอนาคตทางการเมือง” ของพรรคทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะพรรคประชาชนหากพลาดพลั้งถูกยุบพรรคอีกครั้ง ก็จะกลายเป็นการถูกยุบพรรครอบที่ 3
เล่นเกมโหดสาดอาวุธหนักใส่กันและเดิมพันสูงขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยลอยตัวอยู่นอกสมการความขัดแย้ง นั่งบนภูดูเสือกัดกัน!!
#ศึกการเมืองไทย #ทุนเทา #ฟอกเงินการเมือง #ยุบพรรค #พรรคประชาชน #พรรคกล้าธรรม #ข่าวการเมืองร้อน








