เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568 นิติพงษ์ ห่อนาค หรือ "ดี้" นักแต้่งเพลงชื่อดัง โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวเล่าเกร็ดความรู้เรื่องโขน พร้อมรีวิวการแสดงโขนมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ เรื่อง "รามเกียรติ์" ตอน "สัตยาพาลี" ว่า เคยสงสัยไหม ว่าทำไมโขน ถึงเล่นแต่เรื่องรามเกียรติ์ เล่นเรื่องอื่นมีไหม…ขอตอบว่ามีเหมือนกัน ตั้งแต่สมัยอยุธยา…ถึงต้นรัตนโกสินทร์ เรื่อง อุณรุท เรื่องนิทานนิยายพื้นบ้าน พระอภัยมณีก็ยังเคยเป็นโขนผสมละคร แล้วบางทีก็มียุคใหม่ๆ มาดัดแปลงประยุกต์บ้าง…แต่ก็ไม่ค่อยเวิร์ค โขนมาลงตัวกับรามเกียรติ์ที่สุดแล้ว เพราะองค์ประกอบที่เหมาะกับการใส่หน้ากาก ใส่หัว ท่ารำที่ใช้ภาษากายแสดง ด้วยความที่คาแรคเตอร์ชัด เพราะมีทั้ง พระ นาง ลิง ยักษ์ โขนเลยกลายเป็นรามเกียรติ์ อย่างเดียว..แต่ก็ยังต้องเรียกแยกว่า…“โขน” เรื่อง “รามเกียรติ์” อยู่ดี แถมยังต้องบอกด้วยว่า จับเฉพาะตอนไหน….เพราะถ้าจะเล่นจะดูกันให้จบครบถ้วนจะเป็นซีรี่ส์ที่ยาวที่สุดในโลก ต้องดูกันหามรุ่งหามค่ำ ไม่กินข้าวกินปลา ก็ต้องใช้เวลาเป็นเดือน ถึงจะจบครบถ้วน… ต้องเล่นตั้งแต่…พระนารายณ์ปราบนนทกตาย แล้วอวตารลงมาเป็นพระราม นนทกมาเป็นทศกัณฐ์… แย่งนางสีดากันไปมา จนถึงทศกัณฐ์ตาย พระรามกลับไปครองเมืองอโยธยา กับพระลักษณ์ แบบแฮปปี้เอนดิ้ง…นี่เล่าย่อมากแล้วนะ ขนาดยังไม่พูดถึงหนุมาน ตัวละครเอกเลยนะ…
และนั่นเป็นบทพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ ซึ่งจบแบบนั้น แต่ฉบับเต็มยังมีเกินไปถึง พระลักษณ์ออกบวช สีดาถูกเนรเทศ ไปจบจริงๆ ก็ตอนพระรามเสด็จสู่สวรรค์ ซึ่งไม่เป็นที่นิยม ถึงได้ต้องจับตอนนั้น ตอนนี้มาทีละตอนของเรื่อง ซึ่งมีรายละเอียด และตัวละคร ความสัมพันธ์ซับซ้อนมากมาย มาเล่นให้เป็นมหรสพที่จับต้องจับตาได้….ส่วนเรื่องราวนั้น ถ้าอยากรู้ก็ไปอ่านหนังสือเอา ฉบับพระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่ ๑ นั่นแล เล่มหนาปึ้ก… มาพูดถึงโขน…สมัยเด็กๆ ฉันเคยดูโขนแว้บๆ ตามงานวัด เป็นโขนแห้ง ๆ ฉากแบบลิเกแห้งๆ หัวโขนก็ใส่เป็นกึ่งคนกึ่งโขน คือไม่ได้ครอบมาทั้งหน้า คาไว้ที่หน้าผาก ลิงกับยักษ์ไม่ต้องมีพากย์ ร้องใส่กันไปเลย เป็นกึ่งโขนกึ่งลิเก….มีชาวบ้านนั่งดูอยู่สักยี่สิบสามสิบคนก็ถือว่าครึกครื้นละ…. โตขึ้นมา…ไม่เคยดูเลย เพราะไม่มีให้ดู นาน ๆ ได้ยินว่ากรมศิลปากร จัดโขนที่โรงละครแห่งชาติบ้าง เคยย่องไปซื้อบัตรดู บัตรยี่สิบบาท ที่ต้องใช้คำว่าย่อง…คือมันเงียบมาก คนดูกับคนเล่น ไม่รู้ใครมากกว่าใคร…. มันจะไม่มีอยู่แล้ว….มันจะหายไปแบบไม่มีใครสนใจด้วยซ้ำว่าหายไปตอนไหน…..จนกระทั่งมีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา… “..โขน….ถ้าไม่มีใครดู แม่จะดูเอง..” ปี ๒๕๕๐ จึงเกิดโขนพระราชทานขึ้นมาตอนแรก ชื่อว่า รามเกียรติ์ ตอน พรหมาศ …. ครั้งนั้นฉันมีวาสนานัก ที่ได้รับเชิญจากสำนักพระราชวังให้ไปชมในรอบปฐมทัศน์ ซึ่งสมเด็จพระพันปีหลวงเสด็จทอดพระเนตร…. ตั้งแต่ปีนั้น ที่ยังทรงมีพระชนมายุไม่มาก มีพระพลานามัยแข็งแรง จนหลายปีต่อมาพระชนมายุมากขึ้น…ก็โปรดฯให้ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จแทนพระองค์ในรอบปฐมทัศน์…. และถึงกาลเปลี่ยนแผ่นดิน….พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ก็ทรงเสด็จทอดพระเนตรเองทุกปี ปีนี้เป็นปีที่ ๑๘ นับจากโขนพระราชทานครั้งแรก…และเป็นปีที่องค์พระผู้มีพระราชเสาวนีย์ว่า ถ้าไม่มีใครดู แม่จะดูเอง….ผู้พระราชทานกำเนิดให้กับโขนในยุคใหม่….ได้เสด็จสู่สวรรคาลัย เป็นช่วงโทมนัสของทั้งในหลวง พระบรมวงศานุวงศ์ รวมทั้งคนไทยลูกแม่ของแผ่นดิน… ด้วยความที่ทรงทันยุคสมัย…เกรงใจพสกนิกร จึงมิได้มีพระประสงค์จะให้คนไทยต้องเปลี่ยนวงจรการดำเนินชีวิตปกติ…..ให้เพียงเฉพาะในราชสำนักมีระเบียบต่าง ๆ ภายในตามราชประเพณี…..ส่วนรัฐบาลก็มีระเบียบต่าง ๆ ต่อข้าราชการให้เหมาะสม…. ส่วนประชาชนทั่วไป….ไม่มีการกำหนดหรือสั่งให้เปลี่ยนวิถีชีวิตใดๆ …. รัฐบาลในฐานะที่เป็นตัวแทนประชาชนก็แค่ขอความร่วมมือคนไทยด้วยกันให้เห็นใจคนไทยด้วยกัน…ในยามเศร้า มีอะไรก็ทำต่อไป คนหากินกับบันเทิง ยิ้มแย้ม กระโดดโลดเต้นตามอาชีพ ก็ทำต่อไป… แต่ก็อยู่ในสามัญสำนึกของบรรยากาศ ให้ความเคารพต่อเหตุการณ์ และหัวใจคนส่วนใหญ่ของประเทศก็เพียงพอ… พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงแสดงเป็นตัวอย่าง….ว่า ทุกอย่างไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร…มหรสพที่เป็นพระมรดกแท้ๆ จึงเสด็จมาทอดพระเนตรพร้อมองค์พระราชินีอย่างเป็นปกติ….
จากความสับสนงงงัน ลือกันไปเอง คิดไปเอง ยกเลิกโน่นนี่กันเอาเอง….ก็เป็นที่ชัดเจนว่า ดำเนินชีวิตปกติให้เป็นสุข มีอาชีพทำมาหากินกันตามปกติต่อไป…. หลายฝ่ายไม่แน่ใจว่าโขนพระราชทานปีนี้จะเลื่อนไหม….จึงได้ประจักษ์เมื่อวานนี้ว่า…นอกจากจะไม่เลื่อนไม่เปลี่ยน ยังทรงเสด็จมาทอดพระเนตรเหมือนทุกปี…..
โขนตอนนี้ สนุกมาก ถึงมาก ๆ ….. ขอกราบครูศิลปินแห่งชาติทุกท่าน รวมทั้งคณะผู้สร้างและผู้แสดง ที่นำเสนอทั้งของดั้งเดิมที่ดีงาม และปรับประยุกต์ให้ทันสมัยมาก ๆ …. เธอเอ๋ย…แม่ประไพ….ฉันนึกไม่ถึงว่า ฉันจะมาดูโขนแล้ว เหมือนมาดูหนัง ไซไฟ…..ที่จริงถ้ากลับไปอ่านต้นฉบับอีกที….ก็เข้าใจได้เลยว่า รามเกียรติ์ เป็นนิยายไซไฟรุ่นแรกเลย….แต่คราวนี้ บนเวทีเอามาให้ดูเลย เหมือนผสมโขนที่โคตรสวยอยู่แล้ว กับหนังแบบทรานสฟอเมอร์ที่ทศกัณฐ์แปลงร่างเป็นปูยักษ์…มีซอมบี้ด้วย เกิดมาก็เพิ่งเคยเห็นท่าโขนที่เป็นซอมบี้ แล้วมีหนุมานปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ด้วยนะ แบบมิชชั่นอิมพอสสิเบิลเลย แถมยังมีมุก เผลอ ไม่เนียน เป็นยักษ์แล้วยังเสือกแอบคัน…..เกาประสาลิง…
จากนี้ สปอยล์โขนละนะ….จะได้ดูอย่างเข้าใจ…เพราะบทร้อง และบทพากย์ บางทีใช้คำที่คนปัจจุบันฟังไม่ทัน…เดี๋ยวจะไม่รู้เรื่อง… ฉากหนึ่ง….แรงอาฆาต ทศกัณฐ์แค้นพาลีที่แย่งนางมณโฑไป แต่ถึงจะแย่งกลับมาได้ เอ้า มณโฑโดนฟาดซะละ ท้อง คลอดมาเป็น องคต พาลีฉลองโสกันต์ลูกชาย ทศกัณฐ์แค้นเลยทรานสฟอร์มเป็นปูยักษ์ จะมาฆ่าองคต วุ้ย ทศกัณฐ์มุ้งมิ้งมาก
ฉากสอง….พยุหบาตรสรงสนาน พิธีฉลององคตทำที่ริมน้ำ พลวานรแจ้งว่า มีปูยักษ์ใต้น้ำ พาลีเลยโดดลงน้ำไปดู ไปซัดปูยักษ์ ฉากสาม…พญามารระทม แล้วพาลีก็ชนะ พาลีเค้าเด็กเส้นพระอิศวร ได้พรว่ารบกับใคร ขีปนาวุธคู่ต่อสู้มันจะลดลงครึ่งหนึ่ง แถมมาเพิ่มให้พาลี ทศกัณฐ์เลยเสียฟอร์ม โดนจับมัดเอามาให้องคตลูกชาย เอามาลากมาเขี่ยเล่น เจ็ดวัน…แล้วปล่อยไป ในเวลาเดียวกันนั้น ก็มีซูเปอร์ควายตัวหนึ่ง ชื่อ ทรพี มันเป็นโรคอะไรไม่รู้ ชอบ “วัดรอยเท้าพ่อ”…(คำว่า…วัดรอยเท้า….มาจากไอ้ทรพีนี่แหละ)…..พอมันวัดได้เท่ารอยเท้าพ่อ แทนที่มันจะไปขอรองเท้าพ่อมาใส่….มันกลับท้าพ่อมาขวิดกัน….แล้ว มันก็ขวิดพ่อทรพาตาย…..( อันนี้คือที่มาของ ลูกทรพี)…… แล้วยังไม่หายบ้า ไปท้ารบกับเทวดาใหญ่ คือ พระอิศวร…. ฉากสี่….องค์บรมเทวา พระอิศวรยักคิ้ว ยิ้มมุมปากให้ทีนึง ไอ้ควาย….มึงไปเล่นกับลิงก่อนปะ….เค้าชื่อพาลี….ให้รอดก่อน ค่อยมาคุยกับกู……ไอ้ทรพีโมโห…รีบวิ่งไปหาพาลี ฉากห้า….คูหาสุรกานต์ ทรพีท้าไฟต์กับพาลี ก็โอเคจัดไป….แต่ซัดกันในที่โล่ง พาลีรู้สึกว่า เออ ไอ้ควายนี่มันแรงอยู่….ก็เลยออกอุบาย ท้าทรพีไปสู้กันในถ้ำ (อันนี้ฉันก็ไม่รู้ว่ามันได้เปรียบกว่ายังไง)……แล้วกระซิบน้องสุครีพ ว่า พี่ต้องไปสู้กับมันในถ้ำละ คงหลายวันหน่อย มึงคอยดูอยู่ปากถ้ำนะ ถ้ามีเลือดไหลออกมาปากถ้ำ ถ้าเลือดดำๆ คือเลือดไอ้ควาย ไม่เป็นไร พี่ชนะ แต่ถ้าเลือดเป็นแดงๆ ใสๆ ก็เลือดพี่แหละ…..มึงให้พรรคพวกดันหินปิดปากถ้ำเลย พี่ตาย ไอ้ทรพีก็ต้องตายในถ้ำ….(โคตรโกงเลย)…
สุดท้าย หลายวันก็ยังไม่แพ้ชนะ สู้กันไป คุยกันไป พาลีถามว่า ทำไมมึงแน่นักวะ ทรพีก็บอกว่ากูเด็กเส้น เทวดามาคุ้มครองเยอะ เทวดาแอบฟังอยู่ก็เบะปาก ไอ้ควายทรพี กูดูแลมึงมาตลอด มึงไม่เคยพูดถึง ไม่เคยไลน์มา ไม่ขอบคุณสักคำ คราวนี้กูเทมึงละ…. พอเทวดาเท….ทรพีก็หายซ่า สู้ไม่ได้ ตุยเรย…..เลือดไหล เอ้า…ช่วงนี้อุตุบอกหน้าหนาวแล้ว….แต่ฝนตกหนักมาก….ฝนตกเข้าไปในถ้ำ….เลือดควายดำๆ ก็เลยจาง ดูแดง ๆ ใส ๆ…. น้องสุครีพคนซื่อ….รออยู่หน้าถ้ำ เห็นเลือดใสๆ ไหลออกมา….ก็ร้องไห้ ปิ่มจะขาดใจ….แล้วก็ให้พรรคพวก ดันหินปิดประตูถ้ำ….ไอ้ทรพีมึงฆ่าพี่กู มึงไม่ต้องออกมา ยังไม่ทันไร…..พระยาพาลีแห่งเมืองขีดขิน….ก็ถีบทำลายก้อนหินปิดถ้ำออกมา ด้วยความโมโหว่า ไอ้น้องสุครีพ มึงรัฐประหารกูแน่แล้ว…..แล้วก็ไล่น้องออกไปจากเมือง
น้องสุครีพสะอึกสะอื้น เดินตุหรัดตุเหร่ในป่า…..จนมาเจอหลาน…หนุมาน…หนุมานก็บอกน้าว่า…น้าๆ ไปหานายผมเหอะ ให้พระรามช่วยแก้ปัญหาให้….เพราะนอกจากจะโดนไล่ออกจากเมืองแล้ว….พี่พาลียังยึดเมียน้องสุครีพอีกด้วย….มันเกินไป ฉากหก หิมพานต์อรัญวา หนุมานพาสุครีพไปหาพระราม ตอนแรกพระรามก็บอกว่าเรื่องพี่ ๆน้องๆ กูไม่เกี่ยว…..สุครีพเผยความลับว่า พี่พาลีน่ะเคยสัญญากับแม่ดาราไว้ ว่าจะไม่ห้าวเกินเหตุ เพราะมีพลังสูงมาก ชนะได้ทั้งโลก….พี่พาลีเขาสาบาน…..(นี่คือที่มาของชื่อตอน สัตยาพาลี) กับแม่ดารา ( แม่เค้าชื่อดารา ไม่ต้องงง)….ว่า ถ้าจะตาย ขอตายด้วยศรพระนารายณ์เท่านั้น…..จบ พระรามก็ทรงแสบไม่เบา…บอกสุครีพ กลับเข้าไปเมืองขีดขิน ท้ารบพี่ชายพาลี ถ้าสู้ไม่ไหว เดี๋ยวจะทรงเป็นสไนเปอร์ แอบยิงศรใส่พาลี….. แล้วก็ยิง….พี่พาลีจับศรได้….ไม่โดน….แต่เห็นพระราม ก็ถามว่า ลูกพี่เป็นใคร ทำไมมายิงลูกศรใส่ผม….พระรามก็เลยต้องกระชากหน้ากากออกแบบทอม ครูซ ให้รู้ว่า นี่ไง กู พระนารายณ์เอง…นั่นก็ลูกศรกู….. พี่พาลี…เห็นเข้าก็ยอมแพ้ ว่านี่…เป็นคำสัญญาของกูเอง….
พอถึงจุดนี้ จากความขัดแย้ง ประหัตประหาร…..ก็เข้าสู่อีโม ร้องไห้กันพี่น้อง พระรามน่ะชิ่งไปละ…. “พาลีสอนน้อง” ประโยคที่คนโบราณคุ้นเคย มาจากฉากนี้แหละ….. ฉันนั่งดูฉากนี้…..ทั้งโรงเงียบ ฉันก็เงียบ อึ้ง เห็นพี่น้องที่คร่ำครวญอาลัยกัน ไม่น่าเชื่อว่า น้ำตาซึม…. ฉันเคยเรียนโขนตอนอายุห้าสิบ….ครูที่สอนเคยเล่าให้ฟังว่า คนดูอาจไม่รู้ว่าคนเล่นรู้สึกขนาดไหน…นึกว่าใส่หัวโขนแล้วก็แค่ทำท่าทางรำไป….. แต่ไม่ใช่….ครูที่เคยสอนฉันเคยเล่นเป็นพิเภก ตอนที่โดนทศกัณฐ์ตัดขาด ไล่ออกจากเมือง….ครูบอกว่า ตอนนั้น ภายใต้หัวโขน ที่ไม่มีใครเห็น … เขาร้องไห้จริงๆ ด้วยอารมณ์จริงเหมือนนักแสดงแบบที่คนเห็นหน้า…… แล้วพาลีก็เอาศรพรหมาสตร์….ของพระราม….ปักอกตัวเอง….จนตาย….
ฉากเจ็ด กรุงลงกาธานี ทศกัณฐ์ดิ่งมาก ญาติโกโหติกา ทหารใหญ่ ตายไปหมดในสงคราม…..เอ้า….ทีนี้….ถึงได้เห็นความดีนางมณโฑ…มเหสีหลัก…..สีดงสีดา ไม่แคร์แล้ว……นางมณโฑนมโตข้างเดียว (ไม่รู้ได้ยินมาจากไหน)…รับอาสา ติดต่อกับพระอุมา ทำน้ำศักดิ์สิทธิ์ชุบชีวิตคนเหล่านั้นได้…. ฉากแปด โรงพิธีศรีเศวต ไม่มีอะไรมาก แต่ฉากสวย เป็นพิธีของคุณมณโฑ ฉากเก้า คืนชีพวงศ์ประยูร ฉากใหญ่มาก….ทศกัณฐ์ขี่ช้างออกรบ เอาน้ำมนต์ของมณโฑ โปรยปราย ไปใส่ศพทหารใหญ่น้อยเพื่อคืนชีพ… ฉากนี้คือ….หนังซอมบี้ดี ๆ นี่เอง…..ไม่เคยเห็นท่ารำแบบนี้ในโขน แต่มันได้ฟีล มันคือการปรับความรู้สึกให้คนดูเข้าใจ…..นี่แหละคือ อนุรักษ์ด้วยวิธีก้าวหน้า….
ระหว่างนั้น….. พระรามถามพิเภกว่า…ทำได้ไงอ้ะ ปลุกคนตายมารบต่อได้ใหม่….พิเภกน้องทศกัณฐ์แท้ๆ ก็บอกว่าต้องให้หนุมาน ไปทำลายพิธีมณโฑซะ หนุมาน ก็เลยต้องใช้วิธีแบบทอมครูซ ปลอมตัวเป็นทศกัณฐ์ เพื่อไปบอกมณโฑ ว่าไม่เป็นไรแล้วที่รัก….พอละ….หรืออาจจะพาเข้าห้องทำอะไรต่อก็แล้วแต่ บนเวที ยังแสดงให้เห็นว่า หนุมานในร่างทศกัณฐ์ ก็ยังมีคัน ๆ อดเกาไม่ได้ ฉากสิบ ราพณาสูรอัปรา รบกันแบบเต็มเครื่อง….ภาพงามมากบนเวที…..ทศกัณฐ์หนีกลับลงกา จบการแสดง….
#ยาวมาก #คนเขียนตั้งใจเขียน #ไม่สมน้ำหน้าคนอ่านแล้ว รูปที่แนบนี่ไม่เกี่ยว…. แค่อยากโชว์ว่าเคยเป็นทศกัณฐ์มาแล้วเมื่อสิบห้าปีก่อน…
#โขนพระราชทาน #สัตยาพาลี #ดี้_นิติพงษ์ #โขนไซไฟ #รามเกียรติ์ #มหรสพของแผ่นดิน








