กลายเป็นเรื่อง ขึ้นมาทันที เมื่อประเด็นการยื่น “ญัตติซักฟอก” โดย “พรรคฝ่ายค้าน” เพื่อตรวจสอบฝ่ายบริหาร อย่าง “รัฐบาลเสียงข้างน้อย” พรรคส้มเหรือ พรรคแดง จะเป็นฝ่าย “ชิงลงมือ” ก่อน
เพราะงานนี้แม้ สถานการณ์ของรัฐบาล “อนุทิน 1” เริ่มมีแผล แต่ไม่ได้หมายความว่า “พรรคเพื่อไทย” หรือ “พรรคประชาชน” จะใช้จังหวะนี้เขย่ากันได้กลางสภาฯ ทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน ต่างอยู่ในสถานะ “พรรคฝ่ายค้าน” แต่ในเวลาเดียวกัน ต่างมีนัยททางการเมืองที่น่าสนใจ
เมื่อพรรคเพื่อไทย พกพาเอา “ความแค้น” ตั้งแต่เมื่อคราวที่ “หัก” กับ “พรรคภูมิใจไทย” ต่อมา พรรคสีน้ำเงินพลิกเกมกลับ เป็นฝ่ายได้ตั้ง รัฐบาล โดยจากการโหวตของ “143 สส.” ของพรรคประชาชน ที่นำโดย “ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ” หัวหน้าพรรค ในท่ามกลางแรงเสียดทานที่พรรคประชาชนต้องเผชิญ เพราะการโหวตหนุน “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นั้นต้องถือว่า “ขัดใจ” ด้อมส้ม
ดังนั้นผลพวงจากวันโหวตเลือกอนุทิน นั่งนายกฯคนที่ 32 จึงกลายเป็น “จุดอ่อน” ที่ทำให้พรรคส้มโดนโจมตีว่าเป็น “ฝ่ายค้ำ” ตั้งแต่วันนั้น และต่อมา ปรากฎว่าแกนนำของพรรคประชาชน ยังถูกตั้งข้อสังเกตว่าดีกรีการตรวจสอบ นายกฯอนุทิน นั้นไม่เข้มข้น
โดยเฉพาะการเปิดประเด็นตรวจสอบเรื่องการรับบริจาคสิ่งของ โดย “กัน จอมพลัง” อินฟลูอินเซอร์ไปยังหน่วยทหาร ที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ก็โดนกระแสตีกลับว่า แท้จริงแล้ว “สส.พรรคส้ม” อย่าง “ไอซ์” รักชนก ศรีนอก สส.กทม. ตั้งเป้าไว้ที่กัน จอมพลัง เพื่อลากยาวไปถึง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม หรือไม่ เพราะกัน จอมพลัง มีความใกล้ชิดกับ ร.อ.ธรรมนัส แต่ไม่ได้ต้องการ แตะไปถึง นายกฯอนุทิน
อย่างไรก็ดี แม้ในห้วงเวลานี้ จะอยู่ในช่วงของการปิดสมัยประชุมสภาฯ จากนั้นสภาฯจะไปเปิดสมัยประชุมฯ อีกครั้งในเดือนหน้าธันวาคม ซึ่งหมายความว่า “พรรคฝ่ายค้าน” อย่าง แดงและส้ม ต่างมีโอกาสใช้เวทีสภาฯ หนึ่งในวาระสำคัญ ยื่นญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ รัฐบาล ได้ทันที!!
แต่ดูเหมือนว่าทั้งพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาชน กำลังอยู่ในอาการ “เกี่ยงกัน” เสียอย่างนั้น !
พรรคเพื่อไทย หยิบเอาวลี “ฝ่ายค้ำ” มาตอกย้ำ จี้ให้พรรคประชาชน เป็นแกนนำฝ่ายค้านยื่นญัตติซักฟอก ทางด้านพรรคประชาชน ย้ำว่าที่ผ่านมา ทำหน้าที่ตรวจสอบ “รัฐบาล” ทั้งเรื่องสแกมเมอร์ เรื่องทุนเทา จนเหมือนทำงาน “ตามลำพัง” ด้วยซ้ำ
ล่าสุด “เทพไท เสนพงศ์” อดีตสส.นครศรีธรรมราช ประเมินถึงสาเหตุที่ทั้งแดงและส้มยังยึกยัก ยังเกี่ยงกันไม่ชัดเรื่องยื่นซักฟอก เพราะต่างจะได้รับ “ผลกระทบ” ด้วยกันทั้งสิ้น
หากพรรคเพื่อไทย ยื่นญัตติ เข้าสภาฯ จะหยิบยกเรื่องใดขึ้นมาซักฟอกรัฐบาล “อนุทิน 1” ก็อาจจะโดน “ย้อนศร” โดนพรรคภูมิใจไทย ซักฟอกคืน เพราะเคยทำงานร่วมรัฐบาลกันมา
ขณะที่พรรคประชาชนเอง หากไม่ยื่นซักฟอก ข้อหา “ฝ่ายค้ำ” จะตามหลอกหลอน ไม่จบ แต่หากตัดสินใจยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อใด นั่นหมายความว่า นายกฯอนุทิน อาจจะเลือกตัดสินใจ ประกาศ “ยุบสภา” ไปก่อนครบกำหนด 4เดือนที่ต่างทำ MOAกันเอาไว้
และเหนืออื่นใด ความหวังหลักของพรรคประชาชน ซึ่งอยู่ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะต้อง “ปิดฉาก” ไปด้วยโดยปริยาย เนื่องจากร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมฉบับนี้ ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมาธิการฯ
ดังนั้นหากสภาฯ มีอันต้องถูกยุบไปก่อน จากแรงกดดันทางการเมือง ที่พุ่งไปสู่นายกฯอนุทิน โดยมี “ญัตติซักฟอก” เป็นอาวุธ ของฝ่ายค้านแล้วนั้น ต้องวัดใจว่า งานนี้ “ใคร” จะกล้าแลก!








