กก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ร่วมกับสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ขยายผลตามจับหนุ่มวัย 28 ปี หลังลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า และอุปกรณ์ทางเฟสบุ๊ค และแอปพลิเคชั่นไลน์ ยึดของกลางจำนวนมากนับพันรายการ พร้อมฝากเตือนเยาวชน และกลุ่มวัยรุ่นสูบ และจำหน่าย นอกจากเสี่ยงถึงตายแล้วยังผิดกฎหมายอีกด้วย
วันที่ 31 ตุลาคม 2568 พ.ต.อ.นพวิทย์ ดิษฐาธนาธรสิริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ตามนโยบายรัฐบาล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจภูธรภาค 4 และตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ โดยพล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้กำชับและสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนหาข่าว และเร่งดำเนินการป้องกันปราบปรามจับกุมผู้ที่ลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าในพื้นที่อย่างเด็ดขาด
 
พ.ต.อ.นพวิทย์ กล่าวต่อว่า ล่าสุดวันที่ 27 ตุลาคม 2568 ที่ผ่านมา ภายใต้การอำนวยการโดยพล.ต.ต.ทรงพล บริบาลประสิทธิ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.นพดล ศรีชะตา รองผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ขจรฤทธิ์ วงราช รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.นพวิทย์ ดิษฐาธนาธรสิริ ผกก.สืบสวน.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.วีระ หางนาค ผกก.สภ.เมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยชุดสืบสวนภ.จว.กาฬสินธุ์ และ สภ.เมืองกาฬสินธุ์ ร่วมกันจับกุมตัวนายปฎิภาณ หรือริว กุลสุวรรณ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 263/25 บ้านไหมไทย ต.กาฬสินธุ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ พร้อมของกลาง เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 2 เครื่อง, หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,126 ชิ้น , บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 696 ชิ้น รวมของกลาง 2,824 ชิ้น และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง หลังลักลอบจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้าผ่านทางเฟสบุ๊ค และแอปคชั่นไลน์
 
พ.ต.อ.นพวิทย์ กล่าวว่า ทั้งนี้สืบเนื่องจาก กก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้สืบสวนจากแอปพลิเคชั่นเฟสบุ๊ค ชื่อเพจว่า “ขายพอต-บุหรี่ไฟฟ้ากาฬสินธุ์” มีพฤติกรรมจำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า โดยให้ผู้ซื้อทำการ สั่งซื้อบุหรี่ไฟฟ้า พร้อมอุปกรณ์ผ่านแอพพลิเคชั่นไลน์ มีสมาชิก 1,341 คน จากนั้นให้ผู้ซื้อทำการโอนเงินผ่านบัญชีธนาคาร แล้วจะดำเนินการให้บริษัทขนส่งนำมาส่งให้ลูกค้าตามจุดนัดหมายในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์
ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้แฝงตัวเป็นสายลับ ซื้อบุหรี่ไฟฟ้าทางแอปพลิเคชั่นไลน์ พร้อมโอนเงินไปยังบัญชีหนึ่ง ต่อมา พนักงานรับจ้างขนส่ง ได้มาส่งของให้กับสายลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและสอบถามข้อมูลทราบว่ารับของมาจากบ้านเลขที่ 263/25 บ้านไหมไทย ต.กาฬสินธุ์ อ.เมืองกาฬสินธุ์ จึงได้ขยายผลไปที่บ้านหลังดังกล่าว
เมื่อไปถึงพบนายปฎิภาณ หรือริว กุลสุวรรณ อายุ 28 ปี แสดงตัวเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงแสดงตัวและขอทำการตรวจค้น ซึ่งผลการตรวจค้นพบ เครื่องบุหรี่ไฟฟ้า 2 เครื่อง, หัวพอตบุหรี่ไฟฟ้า 2,126 ชิ้น บุหรี่ไฟฟ้าชนิดสูบแล้วทิ้ง 696 ชิ้น รวมของกลาง 2,824 ชิ้น และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ 2 เครื่อง ซึ่งพบอยู่ในห้องนอนบริเวณชั้น 1 จึงนำตัวมาสอบสวน
พร้อมทั้งแจ้งข้อกล่าวหา ผู้ใดช่วย ซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่ยังมิได้เสียภาษี หรือของต้องจำกัด หรือที่เข้ามาในราชอาณาจักร โดยยังไม่ได้ผ่านศุลกากรฯ พร้อมนำตัวและของกลาง ส่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองกาฬสินธุ์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
พ.ต.อ.นพวิทย์ กล่าวอีกว่า ขอฝากเตือนไปยังเยาวชน กลุ่มวัยรุ่น และประชาชนทั่วไปให้ทราบถึงโทษภัยของการสูบบุหรี่ไฟฟ้า ซึ่งนอกจากจะอันตรายของต่อสุขภาพแล้ว การสูบ และจำหน่ายยังที่ผิดกฎหมาย อีกด้วย ซึ่งการสูบบุหรี่ไฟฟ้ามีความเสี่ยงต่อปอดและหัวใจ ทำลายสมอง และอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เช่น เกิดภาวะปอดอักเสบรุนแรงเฉียบพลัน หรือแม้กระทั่งระเบิด นอกจากนี้ การครอบครอง นำเข้า หรือขายบุหรี่ไฟฟ้าก็ยังผิดกฎหมาย ซึ่งหากพบเห็นการขายสามารถแจ้งเบาะแสได้ที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือสายด่วน สคบ. 1166
ภูมิภาค-47








