‘โฆษกทบ.’ แจง ’กมธ.ทหาร‘ รับไม่เคยรู้ ’กัน จอมพลัง‘ บริจาคชุดเกาะเลเวล 4 สูงกว่ามาตรฐานกองทัพสหรัฐฯ เผย กองทัพมีมาตรฐานเรื่องยุทธภัณฑ์ ลั่น ไม่มีมั่ว ความผิดพลาดที่เกิดขึ้นคือชีวิตคนไม่ใช่เงินที่จะซื้อได้
เมื่อวันที่ 30 ต.ค. ที่รัฐสภา คณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายเอกราช อุดมอำนวย สส.กทม. พรรคประชาชน เป็นประธาน พิจารณาวาระการบริหารทรัพยากรกองทัพในเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเชิญ พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก (โฆษกทบ.) เข้าชี้แจงผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์
โดย พล.ต.วินธัย กล่าวชี้แจงในกรรมาธิการว่า ตามจริงแล้วสิ่งของที่ได้รับการสนับสนุนเมื่อมีวิกฤติ มีทั้งหมด 2 ลักษณะด้วยกัน 1.ลักษณะการช่วยเหลือกำลังพล 2.ลักษณะช่วยเหลือชีวิตความเป็นอยู่ของผู้ปฏิบัติงานบริเวณแนวหน้า ทั้ง 2 ส่วนนี้เป็นนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ที่จะไม่รับเป็นเงิน เพราะบริหารจัดการยุ่งยากรวมถึงมีในเรื่องของแง่กฎหมาย จึงมีวิธีการที่ว่าหากต้องการการแสดงน้ำใจขอเป็นสิ่งของ ส่วนถ้ายืนยันว่าจะเป็นเงิน ส่งต่อที่กำลังพลผู้บาดเจ็บหรือผู้เสียชีวิต หรือครอบครัวผู้ที่ได้รับผลกระทบ ต่อกองทัพก็จะเหมือนเป็นลักษณะสะพานเชื่อมต่อให้
พล.ต.วินธัย กล่าวต่อว่า ตนขอพูดถึงสิ่งของที่จะแสดงถึงความปรารถนาดี ต้องการที่จะมีส่วนร่วม หรือคุณค่าทางวัตถุ ในส่วนของกองทัพบก ยอมรับว่ามีผู้ประสานเข้ามาเยอะ แต่ก็ยืนยันว่าอยากให้เป็นสิ่งของมากกว่า และไม่อยากเสียมารยาทว่าจะไปเจาะจงเป็นอะไร ทั้งหมดนี้ก็เพื่อจุนเจือความเป็นอยู่ และมีการแสดงเจตจำนงมาในลักษณะที่รับของ
พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า แต่ในส่วนของโฆษกทบ. ที่มีหน้าที่ในการประชาสัมพันธ์ เราก็พยายามที่จะบอก จากทุกคนที่แสดงเจตจำนงมาเยอะ ว่าต้องคำนึงถึงสภาพแวดล้อมในสนามรบ และเราได้มีการบอกว่าหากขาดหรืออะไรเราจะมีการแจ้งไป แต่เราไม่อยากที่จะรับมาแล้วไม่ได้บริหารจัดการ ในประเภทของมัน และมันจะทำให้ไม่ตรงกับผู้นำไปใช้ และเราไม่เคยนึกถึงเรื่องของยุทธภัณฑ์เข้ามาด้วย ซึ่งตนมองว่ามันเป็นเรื่องทางเทคนิคและราคามันสูง ซึ่งไม่เคยนึกมาก่อนว่ามันจะมี
พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า เพียงแต่สิ่งที่ตนเคยให้ข้อมูลไป สื่อได้เคยถามตน เนื่องจากได้มีการเข้าไปที่ เฟซบุ๊กและเห็นร้านเหล็กแห่งหนึ่งที่เป็นร้านโลหะภัณฑ์ ที่มีการตัดเหล็กมา ไปตัดไปเย็บและจนกลายเป็นเสื้อเกาะ ซึ่งในขณะนั้นสื่อมวลชนก็มีการตั้งคำถามว่าสามารถทำเช่นนี้ได้หรือ ซึ่งเราก็ได้มีการแจ้งไปว่า ถ้าเป็นเรื่องเหล่านี้จำเป็นที่จะต้องมีมาตรฐาน เพราะบางครั้งผู้บังคับบัญชาเอง จำเป็นที่จะต้องรักษาชีวิตลูกน้อง คงไม่น่าจะให้ใส่และคงจะไม่ได้ใช้
พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ขอยืนยันว่าหากไปดูคำชี้แจงของตนทั้งหมด ตนไม่เคยห้ามเพราะตนมองว่าหากเกิดวิกฤต สิ่งสำคัญที่สุดไม่ใช่สิ่งของ แต่มันแสดงให้เห็นว่าเราไม่เคยถูกทอดทิ้ง มันเลยทำให้การบริหารมันไม่เหมือนช่วงปกติ ส่วนในเรื่องของยุทธภัณฑ์ อาจจะทำให้ตนสับสนในเรื่องของนายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือ กัน จอมพลัง เพราะตนไม่เคยถามถึงรายละเอียด เพราะในระดับของกองทัพบกเราบริหารกันเช่นนี้ แต่ในระดับหน่วยเราเห็นว่ามียากันยุง มีผ้าใบ มียา ซึ่งสิ่งเหล่านั้น เห็นได้ชัดว่ามันไม่ได้อยู่ในรายการ อุปกรณ์ทางการทหาร 1-5 ตามระเบียบกองทัพสหรัฐฯ และตนไม่ได้เห็นในเรื่องของยุทธภัณฑ์ หากถามว่าเรื่องของยุทธพันธ์เราขาดแคลนหรือไม่นั้น สิ่งที่เราได้รับมาไม่ได้เรียกว่าเป็นการขาดแคลน มันอาจจะไม่เหมาะเพราะเราเป็นหน่วยราชการใหญ่ และเราได้รับการเกื้อกูลจากฝ่ายนิติบัญญัติฝ่ายบริหาร ในเรื่องของงบประมาณมาโดยตลอด ซึ่งมันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน
พล.ต.วินธัย กล่าวอีกว่า ซึ่งหากพูดถึงเรื่องยุทธภัณฑ์ถ้าเป็นกองทัพใช้จะมีมาตรฐาน ถ้ากองทัพใช้จำเป็นต้องผ่านมาตรฐานของกองทัพของกองทัพสหรัฐฯUNIJ ในเลเวล3+ ที่ใช้ป้องกันปืนเล็กยาวได้ ซึ่ง ในกองทัพมีทั้งหมด 70,000 ตัวและขณะนี้กำลังหมุนเวียนอยู่ในสนาม แต่เราก็จะเห็นกำลังพลมีทั้งใส่บ้างและไม่ใส่บ้างซึ่งอยู่ที่ภาระงานในสนามรบ ซึ่งบางคนก็อาจจะอยู่ในหน่วยสนับสนุนถึงแม้ว่าจะเป็นทหารปืนใหญ่ ที่ใช้อาวุธห่างจากหน้าแนว และขอย้ำว่าหน่วยที่อยู่แนวหน้ามีการใส่ชุดเกาะแน่นอน
นายกัณฐัศว์ จัดหาปรากฏว่าจัดหาได้ คุณภาพ สูงกว่ามาตรฐานกองทัพทั่วไปที่ใช้ เป็นระดับเลเวล 4 ซึ่งตนก็เพิ่งได้ยินจากการประชุมกรรมาธิการทหารวันนี้ แต่ในทางทฤษฎีที่ตนได้ยิน หากเป็นไปในตามทฤษฎี ก็เป็นสเปคที่สูงกว่าทางกองทัพใช้
เมื่อถามว่ายืนยันหรือไม่ว่าทางกองทัพได้มีการขอรับการอนุเคราะห์มูลนิธิ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของยุทธภัณฑ์โดย พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ในส่วนของทบ.ไม่มี แต่ในระดับหน่วยตนเห็นว่ามี และที่ตนทราบมาคือเรื่องของการสนับสนุนเรื่องของยาง
เมื่อถามต่อว่าทบ.ได้มีการทราบเรื่องหรือไม่ ระเบียบกลาโหมว่าด้วยการเงิน รวมถึงระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการเรี่ยรายและบริจาค หน่วยงานที่จะรับของบริจาคได้จะต้องเป็นหน่วยงานราชการ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่มั่นใจแต่จะขอไปสอบถาม และจะไปหารายละเอียดที่ตรงกับที่ถามมา แต่ลักษณะของการรับมอบของเช่นนี้ มองได้หลายมุม หากสมมุติว่า ในสนามที่ผ่านมาในหน่วยกำลังรบทั้งหมด เข้าห้องน้ำด้วยระบบภูมิประเทศ แล้วปรากฏว่าสถานการณ์ในครั้งนั้นมีคนปรารถนาดี อยากให้ทหารเข้าห้องน้ำดีกว่านั้น และไม่ได้อยู่ในระบบของทบ.ปกติ ซึ่งตนก็มองว่ามันเป็นเรื่องสร้างสรรค์ และไม่ได้เอาไปใช้ที่บ้าน หรือไม่ได้นำกลับไปใช้ที่หน่วยแต่อยู่ในภูมิประเทศ ซึ่งตนก็ไม่เข้าใจว่าตรงนี้จะเรียกว่าอย่างไรดี เพราะไม่ใช่ของที่นำไปใช้ส่วนตัวและอยากให้ผู้ถามทำหนังสือถึงทบ.โดยตรง จะได้มีการตอบรายละเอียดมากขึ้น
เมื่อถามต่อว่านโยบายของทบ. ต้องการรับบริจาคหรือไม่ต้องการรับบริจาค พล.ต.วินธัย กล่าวว่า โดยนโยบายคือไม่ โดยนโยบายต้องอยู่รอดด้วยตัวเอง และนโยบายไม่ได้หมายความว่า ไม่ได้เป็นข้อกฎหมายที่บังคับเท่านั้นเอง เพราะกรณีของยานั้นไม่ได้มีในอัตราสิ่งอุปกรณ์ในสนามรบอยู่แล้ว เราไม่ได้จำกัดขนาดนั้น และในเหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นเหตุการณ์เฉพาะหน้า และประชาชนต้องการแสดงน้ำใจกันเป็นจำนวนเยอะมาก ซึ่งก็มีผู้ที่ประสงค์บริจาคเป็นเงินด้วยซ้ำ เราก็อยากให้ทหารอยู่ในสนามรบแบบปกติ หากจะให้ตนตอบอย่างละเอียด เราควรที่จะไปคุยกัน ในเวทีเฉพาะดีกว่า เพราะมีมุมมองที่หลากหลาย
เมื่อถามว่าในเมื่อกองทัพบอกว่ายังไม่ได้ขาดแคลน แต่มีผู้บริจาคเข้ามาจึงอยากจะถามว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งของบริจาคเหล่านั้น พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ที่ตนบอกว่าไม่ได้ขาดแคลนแต่ได้มาไม่ใช่ว่าไม่ใช้ เราก็ต้องใช้ไปแม้จะมองว่าฟุ่มเฟือย หากเป็นเรื่องของกินแจกจ่ายอยู่แล้ว แต่เรื่องของยุทธภัณฑ์นั้นเรามีมีมาตรฐานอยู่
เมื่อถามต่อว่าทางกองทัพได้มีการทำใบขอความอนุเคราะห์ ไปที่นายกัณฐัศว์ หรือมูลนิธิอื่นๆจำนวนเท่าไหร่ พล.ต.วินธัย กล่าวว่า ฉะนั้นตนต้องไปเช็คกับหน่วยครั้งหนึ่งแต่เท่าที่ข้อมูลที่ตนมียังไม่พบ ซึ่งก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจว่ามีหนังสืออนุเคราะห์เรื่องของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับชายแดนไทยกัมพูชาเท่าไหร่ ถ้าทราบตนถึงจะมาตอบได้อีกครั้งหนึ่ง ส่วนกรณีการแอบอ้างกองทัพเรื่องของการรับเงินบริจาคยืนยันว่าไม่มีแน่นอนเพราะเป็นนโยบายของผู้บัญชาการกองทัพบก (ผบ.ทบ.) หากคิดว่าเป็นการฉ้อโกง นางสาวรักชนก สามารถใช้ช่องทางกฎหมายได้
พล.ต.วินธัย กล่าวว่า นอกจากนี้ ในส่วนของการอำนวยความสะดวกให้กับเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ที่ประกาศกฎอัยการศึก เราก็ได้มีการอำนวยความสะดวกเพราะเราไม่ได้มีการออกข้อกำหนดข้อห้าม ส่วนการที่ใช้สื่อเป็นภาพลักษณ์ของการเป็นฮีโร่ ก็แล้วแต่คนจะมอง ซึ่งตนมองว่าเป็นเรื่องของยุคปัจจุบันที่ เผยแพร่ ทำให้คนได้รับรู้เรื่อง ส่วนเรื่องของความขาดแคลน ยืนยันว่าไม่ได้ขาดแคลนแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“คนที่อยู่ส่วนหน้างาน จะเป็นคนรู้ว่าอะไรเกิดขึ้นบ้าง อุปกรณ์ในระบบราชการเราครบถ้วน แต่สิ่งที่ได้รับการสนับสนุนมา มันไม่ได้อยู่ในระบบราชการ เราแบ่งหน้าที่เป็นระดับกองทัพภาค อย่างน้อยกองทัพภาคเป็นคนดูแลตนเป็นเพียงคนรับข้อมูลมา แต่ถ้าจะถามว่าดูถูกกันว่ามั่วซั่วหรือไม่ มันไม่มั่ว และอาจจะต้องใช้เวทีในการให้เกียรติกัน เพราะสิ่งที่ทหารทำอยู่ทุกวัน มองว่าความผิดพลาดที่เกิดขึ้นมันคือชีวิตคน มันไม่ใช่เงินที่จะซื้อได้ สิ่งที่เราทำมาทั้งหมดทำเพื่อประชาชน ไม่มีใครทำในลักษณะส่วนตัวเพราะฉะนั้นการที่จะให้ข้อมูลอาจจะกระทบขวัญกำลังใจของทหารที่ปฏิบัติงาน” พล.ต.วินธัย กล่าว








