กกต.ยืนยันความพร้อมจัดเลือกตั้งทั่วไปควบประชามติ หากรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้ง 29 มีนาคม 2569 ขอเวลาเตรียมงาน 75 วัน ขีดเส้นรัฐสภาต้องส่งคำถามประชามติภายใน 13 มกราคม ย้ำประชามตินอกเขตทำได้เฉพาะวันจริงเท่านั้น มั่นใจนับคะแนนเสร็จทุกหน่วยไม่เกิน 5 ทุ่ม
เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2568 ที่โรงแรมเซ็นทาราไลฟ์ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงถึงความพร้อมในการจัดการเลือกตั้งทั่วไปควบคู่กับการออกเสียงประชามติ ว่า ขณะนี้ กกต.มีความพร้อมเต็มที่ในการดำเนินการทั้งสองกระบวนการ ไม่ว่าจะจัดขึ้นพร้อมกันหรือแยกกัน โดยหากจัดพร้อมกันจะใช้หน่วยเลือกตั้งเดียวกันเพื่อความสะดวกและประหยัดงบประมาณ
นายแสวงกล่าวว่า กกต.ขอเวลาเตรียมงาน 75 วัน ก่อนถึงวันเลือกตั้ง เพื่อเผยแพร่ข้อมูล ทำความเข้าใจกับประชาชน และเปิดเวทีให้แสดงความคิดเห็นอย่างรอบด้านตามหลักประชาธิปไตย โดยหากรัฐบาลกำหนดวันเลือกตั้งเป็นวันที่ 29 มีนาคม 2569 ตามที่มีการคาดการณ์ไว้ สภาผู้แทนราษฎรต้องส่งคำถามประชามติข้อแรกมายังกกต. ภายในวันที่ 13 มกราคม 2569 เพื่อให้มีเวลาจัดการตามกรอบกฎหมาย
เลขาฯ กกต. ระบุว่า การจัดเลือกตั้งและประชามติพร้อมกันจะช่วยลดภาระประชาชนและประหยัดงบประมาณ โดยเฉพาะหากรวมคำถามประชามติในบัตรเดียว จะประหยัดงบได้ราว 55 ล้านบาท ทั้งนี้ กกตกำลังพิจารณาความเหมาะสมเพื่อไม่ให้ประชาชนเกิดความสับสนระหว่างการลงคะแนน
สำหรับรูปแบบการลงคะแนนเสียง นายแสวงชี้แจงว่า จะใช้ ระบบ “ตามสี ตามกล่อง” คือบัตรแต่ละประเภทจะมีสีเฉพาะ หากประชาชนหย่อนบัตรผิดกล่องจะไม่ถือว่าเป็นบัตรเสีย แต่เป็น “บัตรพลัดหลง” ซึ่งยังสามารถนับคะแนนได้ โดยตั้งเป้าให้นับคะแนนเสร็จทุกหน่วยภายในเวลา 23.00 น. ของวันเลือกตั้ง
ในส่วนของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งนอกเขตสามารถลงคะแนนได้ตามปกติ แต่การออกเสียงประชามติจะต้องทำ ในวันจริงเท่านั้น และไม่สามารถออกเสียงล่วงหน้าได้ ส่วนคนไทยในต่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศจะรับผิดชอบการนับคะแนนประชามติที่สถานทูต ส่วนบัตรเลือกตั้ง ส.ส. จะต้องส่งกลับมานับที่ประเทศไทย
นายแสวง กล่าวเพิ่มเติมว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะมีจำนวนผู้มีสิทธิ์ราว 53 ล้านคน และจะต้องเพิ่มจำนวนหน่วยเลือกตั้งจากเดิม 90,000 หน่วย เป็น 120,000 หน่วย เพื่อรองรับการทำประชามติควบคู่กันไป ซึ่งต้องใช้เจ้าหน้าที่ต่อหน่วยประมาณ 14 คน รวมทั้งงบประมาณกว่า 90% จะลงไปในภาคสนาม เพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามหลักโปร่งใสและมีประสิทธิภาพ
“ข้อดีของการจัดเลือกตั้งพร้อมประชามติ คือความสะดวกของประชาชน มาวันเดียวสามารถใช้สิทธิ์ได้ครบ และยังช่วยเพิ่มความชอบธรรมให้ผลการออกเสียง เพราะสถิติพบว่าการเลือกตั้ง ส.ส. มีผู้มาใช้สิทธิ์สูงถึง 75% ขณะที่การทำประชามติเพียงอย่างเดียวมีไม่ถึง 60%” นายแสวงกล่าว
ทั้งนี้ กกต.ยืนยันจะหารือร่วมกับนายกรัฐมนตรีเพื่อกำหนดความชัดเจนอีกครั้งภายใน 1–2 สัปดาห์ข้างหน้า โดยย้ำว่าองค์กรมีความพร้อมในทุกด้านหากมีการประกาศเลือกตั้งและประชามติในวันเดียวกันตามแผนรัฐบาล








