รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์
ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต
ในยุคที่มหาวิทยาลัยต้องแข่งขันกันทั้งด้านคุณภาพ การบริหาร และผลงานเชิงประจักษ์ “ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มหาวิทยาลัย สวนดุสิต” (HCD@SDU) ได้พิสูจน์ให้เห็นว่า การจัดอบรมหนึ่งครั้ง หากออกแบบอย่างมีกลยุทธ์ ก็สามารถสร้างผลงานจริงที่ขยายผลได้ทั้งในระดับบุคคลและองค์กร ผ่านโครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เขียน“งาน”…ให้ได้ “ผลงาน” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 27–28 ตุลาคม 2568 ณ โรงแรมสวนดุสิตเพลส (ห้องปฏิบัติการคอมพิวเตอร์ ชั้น 5 Lab 1-2) โดยมีบุคลากรเข้าอบรม 50 คน จากทุกสายงาน ทั้งสายวิชาการ สายบริหาร และสายสนับสนุน บรรยากาศในห้องอบรมจึงเต็มไปด้วยพลังของแรงบันดาลใจ ความตื่นตัว และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยน “ความคิด” ให้กลายเป็น “ผลงาน” ภายในสองวัน
หลายคนอาจมองว่าการเข้าร่วมอบรมเกือบ 2 วันเต็ม เป็นการเสียเวลาไปจากงานประจำ แต่มหาวิทยาลัยสวนดุสิตมองต่างออกไป เพราะทุกชั่วโมงในห้องอบรมออกแบบให้ “ได้ผลลัพธ์จริง” ผู้เข้าอบรมทุกคนต้อง “ลงมือเขียนผลงาน” ตั้งแต่วันแรก ไม่ใช่มารับฟังบรรยายเปล่า ๆ ซึ่งเท่ากับเป็นการพัฒนาทักษะการเขียนเชิงกลยุทธ์และสร้างผลงานที่ใช้ได้จริงในระบบคุณภาพของมหาวิทยาลัย ซึ่งบรรยากาศในห้องอบรมเต็มไปด้วยพลังของแรงบันดาลใจ ความตื่นตัว และความมุ่งมั่นที่จะเปลี่ยน “ความคิด” ให้กลายเป็น “ผลงาน”
วันแรก ผู้เข้าอบรมเขียนผลงานถึง 3 ชิ้น และส่งทันทีหลังฟังเรื่องเล่าของผศ.ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ อธิการบดีมหาวิทยาลัย (เรื่องที่ 1) รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยด้านบริหาร (เรื่องที่ 2) และบทเรียนจากผู้ได้รางวัลการเขียนผลงานดีเด่น 14 คน (เรื่องที่ 3) จากการตัดสินของกรรมการสภามหาวิทยาลัยสวนดุสิตเมื่อกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ขณะที่วันที่สอง ทุกคนต้องสร้างและเขียน “โครงการจริง” ที่สามารถนำไปดำเนินงานได้ตามแบบฟอร์มมาตรฐาน ซึ่งประกอบด้วย 10 องค์ประกอบของ “ผลงานคุณภาพ” ตั้งแต่ชื่อผลงาน ทีมงาน วัตถุประสงค์ เป้าหมาย กระบวนการ ระยะเวลา ผลสำเร็จ ผลกระทบ องค์ความรู้ที่ได้ ไปจนถึงคุณค่าของงานและการเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์องค์กร
การฝึกเขียนที่เข้มข้นเช่นนี้ ทำให้ผู้เข้าอบรมไม่เพียงเข้าใจ “วิธีเขียน” แต่ยังเข้าใจ “เหตุผลของการทำงาน” และสามารถเปลี่ยนสิ่งที่เคยเป็นเพียง “รายงานกิจกรรม” ให้กลายเป็น “ผลงานเชิงประจักษ์” ที่สะท้อนคุณค่าและผลกระทบจริงของหน่วยงาน ค่าลงทะเบียนเพียง 2,500 บาทต่อคน สำหรับการอบรมอาจดูเป็นตัวเลขที่ไม่มากไม่น้อย แต่สิ่งที่มหาวิทยาลัยได้รับกลับมา มีมูลค่ายิ่งใหญ่ทั้งในเชิง “คน” และ “องค์ความรู้” อาทิ บุคลากรได้พัฒนาทักษะการคิดเชิงระบบ การสื่อสารเชิงกลยุทธ์ และการเขียนผลงานที่ตรวจสอบได้ มหาวิทยาลัยได้รับผลงานคุณภาพกว่า 180 ชิ้น ซึ่งสามารถนำไปใช้ประเมินคุณภาพ เสนอรายงานต่อ สภามหาวิทยาลัย และเป็นฐานข้อมูลสำหรับการบริหารจัดการมหาวิทยาลัย การลงทุนเพียงครั้งนี้ไม่ใช่ค่าใช้จ่าย แต่คือการ “ลงทุนเพื่อสร้างคน” ที่ตอบแทนกลับมาด้วยความรู้ ความมั่นใจ และผลงานที่จับต้องได้จริง
ความโดดเด่นของโครงการนี้ยังไม่ได้จำกัดขอบเขตอยู่แค่เนื้อหา แต่คือการมีส่วนร่วมของ “ผู้นำระดับสูง” ที่ให้ความสำคัญอย่างจริงจัง โดยมีการคัดเลือกผลงาน “เขียนเร็วส่งไว” (1 รางวัล) และ “เขียนประทับใจ” (10 รางวัล) รวม 11 ชิ้น จากการพิจารณาของ ผศ.ดร.พิทักษ์ จันทร์เจริญ อธิการบดี รศ.ดร.ศิโรจน์ ผลพันธิน ที่ปรึกษาอธิการบดีด้านบริหาร และ รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์ ประธานที่ปรึกษาอธิการบดี ทุกผลงานที่ผู้ผ่านการอบรมสร้างสรรค์ขึ้นนับได้ว่าเป็นการ “ฝึกเขียน” และเป็นเวทีที่เปิดโอกาสให้บุคลากร “นำเสนอความคิด” ต่อสายตาผู้บริหารระดับสูงของมหาวิทยาลัยโดยตรง ซึ่งสิ่งนี้คือแรงบันดาลใจที่ประเมินค่าไม่ได้
ในอีกมิติหนึ่งพบว่า โครงการนี้แสดงให้เห็นถึงพลังของการพัฒนาแบบ Bottom-Up Management ด้วย เพราะผลงานทั้งหมดเขียนขึ้นจาก “เสียงของบุคลากร” ที่อยู่หน้างานจริง ได้ถ่ายทอดประสบการณ์ตรงผ่านการเขียนและสะท้อนคิด (Reflective Practice) ซึ่งต่อยอดได้ทั้งเชิงนโยบายและเชิงปฏิบัติการ นอกจากนี้จะเห็นได้ว่า มหาวิทยาลัยสวนดุสิตไม่ได้เพิ่มจำนวนผลงานในระบบ แต่ได้สร้าง “วัฒนธรรมการเรียนรู้ร่วมกัน” ผ่านการอบรมครั้งนี้ ซึ่งกลายเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้าง Community of Practice ภายในองค์กร ที่มีศักยภาพต่อยอดไปยังทุกหน่วยงานในอนาคต
สำหรับกรณีตัวอย่างของมหาวิทยาลัยระดับโลกอื่น ๆ ที่ใช้แนวทางคล้ายกับมหาวิทยาลัยสวนดุสิตในการพัฒนาบุคลากร เช่น University of Melbourne (ออสเตรเลีย) จัดโครงการ Scholarly Writing for Impact ซึ่งให้คณาจารย์เขียนงานวิชาการที่เชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์องค์กรและสังคม ผลคือมีงานวิจัยและบทความที่นำไปใช้ในการกำหนดนโยบายระดับประเทศกว่า 120 ชิ้นต่อปี หรือ University College London (สหราชอาณาจักร) มีโครงการ Education Enhancement through Writing Labs ที่ให้บุคลากรฝึกเขียนรายงานผลการสอนเชิงประจักษ์ (Evidence-Based Teaching Reports) ซึ่งถูกนำไปใช้ในระบบประกันคุณภาพของ มหาวิทยาลัยโดยตรง ทั้งสองกรณีสะท้อนแนวคิดเดียวกับสวนดุสิตว่า “การอบรมที่ดีต้องสร้างผลงานได้” ไม่ใช่เพียงความรู้ในกระดาษ
เขียน“งาน…ให้ได้ “ผลงาน” ที่จัดโดยศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์ มสด. แสดงให้เห็นว่า “การพัฒนาคน” ไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน หากกระบวนการถูกออกแบบให้ตอบโจทย์ เป้าหมายชัด และผลลัพธ์เกิดขึ้นจริงในทันที “เพียงสองวัน…แต่ได้ผลงานที่ต่อยอดได้ทั้งปี”นับว่าเป็นความคุ้มค่าทั้งเชิงเวลา งบประมาณ และคุณค่าของ ‘คน’ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการสร้างแรงบันดาลใจให้บุคลากร “เห็นคุณค่าของสิ่งที่ทำ” และ “กล้าสร้างคุณค่าด้วยมือของตนเอง” ครับ
#มหาวิทยาลัยสวนดุสิต #ศูนย์พัฒนาทุนมนุษย์มสด #HCDSDU #เขียนงานให้ได้ผลงาน #สุขุมเฉลยทรัพย์ #พัฒนาคนสร้างผลงาน #อบรมเพื่อพัฒนา #ผลงานเชิงประจักษ์ #พัฒนาทุนมนุษย์ #SDUInAction








