คนละครึ่งพลัสวันแรก มีประชาชนแห่สแกนซื้อสินค้า ทั้งของกินของใช้กันอย่างคึกคัก ขณะที่ลูกค้าหลายรายยังไม่เข้าใจระบบการเติมเงิน ว่าจะต้องกดเติมเงินและสแกนจ่ายอย่างไร โชคดีทางร้านช่วยแนะนำ ขณะแม่ค้าเผยอานิสงค์โครงการฯ ทำให้มีประชาชนเริ่มออกมาจับจ่ายซื้อสินค้ามากขึ้นกว่าปกติ เชื่อช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากได้อย่างดี อยากให้มีต่อเนื่อง
เมื่อวันที่ 29 ต.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศ การจับจ่ายวันแรกโครงการคนละครึ่งพลัส ซึ่งพบว่าตามร้านค้าจำหน่ายอาหารตามสั่ง แผงขายผลไม้ ร้านค้าขายอาหารสดแห้งและร้านค้าทั่วไป ในเขตเทศบาลนครบุรีรัมย์ เริ่มมีประชาชนทยอยเดินทางเข้ามาลือกซื้อสินค้า โดยส่วนใหญ่พยายามมองหาร้านค้าที่ติดตั้งป้าย "ร้านนี้เข้าร่วมโครงการ คนละครึ่งพลัส" เพื่อจะได้สแกนจ่ายค่าสินค้ากับทางร้านที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส ทำให้ร้านค้าที่เข้าร่วมโครงการคนละครึ่งพลัส จะมีประชาชนเข้ามาเลือกซื้อสินค้ากันมากกว่าร้านค้าทั่วไปที่ยังไม่ได้เข้าร่วมโครงการ
ขณะเดียวกัน พบว่าประชาชนผู้ใช้บริการหลายราย ติดขัดปัญหากับการสแกนจ่ายสินค้า เนื่องจากหลายรายลืมขั้นตอนว่าจะต้องโอนจ่ายเงินเข้าระบบตรงไหนของโครงการ แต่โชคดีที่ทางร้านค้าได้ช่วยอธิบาย และสอนวิธีการใช้ให้กับประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ จึงทำให้ประชาชนที่เข้ามาใช้บริการ สามารถใช้บริการได้สะดวกง่ายยิ่งขึ้น
น.ส.ศุพานันท์ ดอกไม้พวง แม่ค้าขายผลไม้ บอกว่า วันนี้มีลูกค้าหลายราย เข้ามาสอบถามเพื่อจะซื้อสินค้าและสแกนคนละครึ่งกันตั้งแต่เช้าหลังจากเปิดร้าน ซึ่งมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดีช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานราก และทำให้คนอยากใช้จ่ายเงินกันมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ ที่ไม่ค่อยกล้าที่จะจับจ่ายใช้สอย แต่พอมีคนละครึ่งเข้ามาทำให้กล้าที่จะจับจ่ายใช้สอยกันมากขึ้น เพราะอย่างน้อยจ่ายแค่ครึ่งเดียวช่วยให้ประหยัดได้ขึ้นเยอะ
นางนงคราญ ไกรนอก แม่ค้าอาหารตามสั่ง บอกว่า ในวันแรกนี้ก็อาจจะดูยุ่งๆ สักหน่อยเนื่องจากลูกค้าหลายคนลืม เพราะไม่ได้ใช้มานาน ทางร้านก็ต้องแนะนำการใช้ให้กับลูกค้าด้วยไปในตัว แต่ตนก็ยังจำได้เพราะครั้งที่แล้วก็ได้เข้าร่วมโครงการ และในวันนี้ลูกค้าก็เริ่มเข้ามาใช้บริการกับทางร้านอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการช่วยกระตุ้นยอดซื้อได้เป็นอย่างดี และอยากให้มีโครงการนี้ต่อไป
นายอรุณสวัสดิ์ ชิ้นเพชร ประชาชนที่ใช้บริการคนละครึ่งพลัส บอกว่า กดใช้ครั้งแรกยังใช้ไม่เป็น ต้องให้แม่ค้าที่ตนมาซื้อก๋วยเตี๋ยวเป็นคนสอนให้ แต่ตอนนี้ใช้เป็นแล้วง่ายขึ้นเยอะ และถือเป็นโครงการที่ดีอยากให้มีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้าน น.ส.วิลาศิณี เตือนใจ บอกว่า จากที่มีค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่าย 100 บาท ก็ได้จ่ายแค่ครึ่งเดียวทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายเป็นอย่างดี ถือเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นอย่างดี และประชาชนกล้าที่จะใช้จ่ายกันเพิ่มมากขึ้นจากเดิม ไม่ต่างจาก นางเพ็ญพรรณ จันทร์สิงห์ บอกว่า เพิ่งได้เริ่มใช้และก็ไม่ได้ใช้มานานแล้วก็ลืมวิธีการใช้ ว่าจะต้องเติมเงินเข้าแบบไหน ใช้ยังไง แต่ก็ดีที่ได้แม่ค้าเป็นคนแนะนำวิธีการใช้ให้จึงทำให้สะดวกขึ้น โดยมองว่าโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ดี และตอบโจทย์กับความต้องการของประชาชนได้เป็นอย่างดี และอยากให้มีโครงการนี้เกิดขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่วนใหญ่บอกว่าดีใจที่ได้โครงการนี้กลับมา
#ภูมิภาค-54