วันที่ 29 ตุลาคม 2568 ที่ห้องประชุมใต้อาคารคอนโดเตาปูนแมนชั่น เขตบางชื่อ นายชื่นชอบ คงอุดม รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมจัดตั้งสาขาพรรคการเมืองและประชุมแต่งตั้งตัวแทนพรรคประจำจังหวัด (กรุงเทพมหานคร) พรรครวมไทยสร้างชาติ ประจำปี พ.ศ. 2568 โดยกล่าวว่า วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ได้มีการเลือกตัวแทนสาขาและจัดตั้งที่ตั้งสาขาพรรคกรุงเทพมหานคร (กทม.) เรียบร้อยแล้ว โดยสาขาพรรคตั้งอยู่ในพื้นที่เขตบางซื่อ บริเวณใต้คอนโดเตาปูนแมนชั่น นายชื่นชอบ แสดงความยินดีที่พรรคเลือกให้เขตบางซื่อเป็นสาขาในส่วนของ กทม. และยืนยันว่าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด โดยสาขาแห่งนี้จะมีหน้าที่สำคัญในการรับเรื่องร้องเรียนและปัญหาต่าง ๆ ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก และในทางการเมืองจะทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการคัดเลือกผู้สมัครในพื้นที่ กทม. ด้วย
นายชื่นชอบกล่าวว่า ทางพรรคจำเป็นต้องพยายามสื่อสารให้ทั้งสมาชิกพรรคและพี่น้องประชาชนในพื้นที่ กทม. รับทราบว่านโยบายและแนวทางต่าง ๆ ที่พรรคดำเนินการมาจนถึงวันนี้ ได้สร้างประโยชน์อะไรให้กับประชาชนบ้าง และมุ่งหวังที่จะดำเนินการต่อเพื่อบรรลุเป้าหมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้าหรือน้ำมัน ซึ่งทางพรรคได้มีการดำเนินการจัดทำกฎหมายเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการที่พรรคไม่ได้ร่วมอยู่ในรัฐบาลในปัจจุบัน ทำให้กฎหมายต่าง ๆ ยังไม่สามารถดำเนินการได้ตามที่คาดหวัง จึงหวังว่าในการเลือกตั้งสมัยหน้า พรรคจะได้รับเลือกจนสามารถเข้าร่วมรัฐบาล เพื่อเข้ามาดำเนินงานต่อในส่วนของกฎหมายที่ได้ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเรียบร้อยแล้ว และรออยู่ในสภาฯ
รองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติระบุว่า เมื่อพรรคไม่ได้ร่วมรัฐบาล การดำเนินการต่าง ๆ ก็เกิดความติดขัด เช่น กฎหมายโซลาร์ที่ถูกคณะกรรมการกฤษฎีกาตีตก ซึ่งโดยหลักการแล้ว กฤษฎีกามีหน้าที่ในการสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล และเมื่อ ครม. ได้ผ่านกฎหมายไปแล้ว ถือว่ากฎหมายครบถ้วนสมบูรณ์ กฤษฎีกาโดยหลักการก็ไม่ควรเป็นตัวตั้งตัวตีในการตีตกกฎหมาย
นายชื่นชอบมองว่านี่จะเป็นจุดหนึ่งที่พรรคจะต้องเข้ามาดำเนินการต่อให้ได้ และหวังว่าในสมัยหน้าจะสามารถจัดการให้พี่น้องประชาชนได้ใช้ไฟฟ้าที่เป็นธรรม ถูกต้อง และถูกลงจริง ๆ รวมถึงราคาน้ำมันที่ไม่ต้องอิงราคาตลาดโลก แต่สามารถกำหนดได้ตามความเหมาะสมในพื้นที่ของประเทศไทย โดยยังคงอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้อง นี่ถือเป็นภารกิจหลักของพรรครวมไทยสร้างชาติและสาขา กทม. ที่จะต้องหาแนวทางนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้ประชาชนรับทราบ
นายชื่นชอบได้เน้นย้ำว่า ประชาชนหลายคนยังไม่ทราบว่าพรรคต้องต่อสู้กับอะไรบ้างเพื่อให้ได้มาซึ่งพลังงานที่ถูกลง เนื่องจากปัญหาความเหลื่อมล้ำและข้อมูลที่ไม่ถึงประชาชน ทำให้ประชาชนไม่สามารถลุกขึ้นมาต่อสู้ได้ เพราะไม่ทราบว่ากำลังถูกเอาเปรียบอยู่
"ท่านพีระพันธุ์ (หมายถึง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ซึ่งดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีพลังงานและรองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แม้จะออกตัวว่าไม่ได้มีความรู้เรื่องพลังงาน แต่ด้วยความตั้งใจจริง ความสามารถ และจุดประสงค์หลักที่ต้องการทำเพื่อประเทศชาติและประชาชน จึงได้ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยการทำงานของท่านนั้นเป็นการต่อสู้กันด้วยข้อมูลจริง ๆ ตามหลักการและเหตุผลที่แท้จริง ว่าสิ่งใดทำได้หรือทำไม่ได้ และสามารถทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องปฏิบัติตาม แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายเนื่องจากแต่ละหน่วยงานมีกฎระเบียบและอำนาจหน้าที่ของตนเอง"
ผลงานที่ประจักษ์คือ การที่สามารถลดค่าไฟจากเดิมเริ่มต้นที่ 4.78 บาท ลงมาจนถึงปัจจุบันที่ 3.94 บาท ซึ่งนายชื่นชอบย้ำว่านี่คือผลงานของท่านรัฐมนตรีพีระพันธุ์ที่ดูแลกระทรวงพลังงานอย่างแท้จริง ในยุคของท่านไม่มีการขึ้นค่าไฟ มีแต่ลง และแม้ว่าหลายคนอาจมองว่าการลดลงเป็นเพียงเศษสตางค์ แต่ความเป็นจริงแล้วเศษสตางค์นั้นต้องต่อสู้กันอย่างยากลำบากจึงได้มา (เลือดตาแทบกระเด็น) เพราะต้องอาศัยหลักการทางกฎหมายและพลังงานหลายเรื่องในการต่อสู้กับหน่วยงาน
หลักการสำคัญคือการสร้างสมดุล หมายถึง การลดค่าพลังงานไฟฟ้าลงมาได้ แต่ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่ต้องรับภาระหนี้สิน เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) หรือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีหนี้จากการซื้อก๊าซมาผลิตไฟฟ้า ก็ยังต้องสามารถใช้หนี้ได้ด้วย หากหน่วยงานเดิมต้องการใช้หนี้มาก ค่าไฟก็จะแพง และผู้รับผิดชอบคือประชาชน ดังนั้น หน้าที่ของรัฐมนตรีคือการทำให้หน่วยงานสามารถใช้หนี้เดิมได้ แต่ประชาชนไม่เดือดร้อน ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย และไม่ใช่แค่การทำสิ่งที่ถูกต้องอย่างเดียว แต่ต้องแก้ปัญหาได้ในทุกฝ่าย
"รวมไทยสร้างชาติยืนยันว่าจะต่อสู้ในทุกเรื่อง แต่เรื่องพลังงานเป็นเรื่องที่หัวหน้าพรรคได้เข้ามาจับก่อนในฐานะรัฐมนตรี นอกจากนี้ ยังมีเรื่องอื่นที่สำคัญ เช่น เรื่องการศึกษา ซึ่งเป็นอนาคตของประเทศที่ต้องวางรากฐานที่ถูกต้อง เป็นธรรม และยุติธรรมกับทุกคน รวมถึงเรื่องการเพิ่มรายได้ และความมั่นคงของชาติ เช่น สถานการณ์บ้านเมืองกับประเทศเพื่อนบ้าน และปัญหาภูมิรัฐศาสตร์โลก รวมถึงปัญหายาเสพติด ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ไม่แพ้กัน"
นายชื่นชอบกล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคต้องการให้การเมืองเป็นสิ่งที่ประชาชนควรได้รับตั้งแต่แรก ไม่ใช่เรื่องใหม่ คือการเมืองที่นักการเมืองทำงานเพื่อประชาชนจริง ๆ ไม่เล่นการเมืองสกปรก ไม่ด่าทอหรือเตะตัดขาฝ่ายตรงข้าม พรรคยืนยันที่จะทำงานการเมืองที่ทำประโยชน์จริง และประชาชนจะได้เห็นเองว่าอะไรใช่หรือไม่ใช่ ขอฝากพี่น้องประชาชนให้พิจารณาให้ดี การเมืองที่นักการเมืองพูดเยอะแต่ไม่ทำงาน หรือมุ่งทำร้ายฝ่ายตรงข้ามนั้นมีมาเยอะแล้ว ต้องเปลี่ยนได้แล้ว คนพูดน้อยไม่ได้แปลว่าเป็นคนไม่ทำงาน แต่ให้ดูผลงาน ซึ่งผลงานของพรรคก็ถือว่าเป็นที่ประจักษ์ จึงขอให้ประชาชนอย่าหลงติดกับโฆษณาชวนเชื่อ และใช้สิทธิ์เลือกให้ดีที่สุด พรรครวมไทยสร้างชาติมีความตั้งใจมาทำงานกับพี่น้องประชาชนจริง ๆ








