นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยภายหลังได้รับแต่งตั้งเป็นประธานคณะอนุกรรมการตรวจสอบ เส้นทางการเงิน และ การฟอกเงิน ที่เกี่ยวข้องกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี ว่า คณะอนุกรรมการชุดดังกล่าวมีภารกิจหลักในการตรวจสอบ เส้นทางเงิน และการฟอกเงินที่เชื่อมโยงกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยมุ่งเน้นการ ยกระดับมาตรฐาน การตรวจสอบทางการเงินต่าง ๆ ให้ทัดเทียมกับ มาตรฐานสากล
คณะอนุกรรมการชุดนี้ได้รวมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแลเรื่อง เงินที่ผิดกฎหมาย ไว้ด้วยกันอย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.), สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ป.ป.ง.), กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI), สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.), กระทรวงยุติธรรม และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) นอกจากนี้ ยังมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ร่วมเป็นคณะอนุกรรมการ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการเชื่อมโยงข้อมูลและประสานการตรวจสอบ เส้นทางเงินสีเทา ในแต่ละจุดอย่างเป็นระบบ
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวด้วยความมุ่งมั่นว่า ส่วนตัวได้กำหนดเป้าหมายในการเร่งรัดการดำเนินงานให้แล้วเสร็จโดยเร็วที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภายในเดือนธันวาคม 2568 จะต้องมีความชัดเจนและสามารถระบุ เส้นทางรอยรั่วของเงินสีเทา ได้อย่างชัดเจนว่าอยู่ตรงส่วนใด และมีรูปแบบเป็นอย่างไร พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการในเรื่องนี้เป็นภารกิจระยะยาว ไม่ใช่แค่การทำในระยะสั้น แต่เป็นการวางแผนเพื่อ ยกระดับมาตรฐานการตรวจสอบ นี้ให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์สากล
"วันนี้จึงต้องใช้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาทำงานร่วมกัน บูรณาการ การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบทั้งการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างประเทศ ทุกส่วนล้วนเชื่อมโยงกันหมด" นายเอกนิติกล่าวเน้นย้ำถึงความร่วมมือ
สำหรับความคืบหน้าในการเจรจาภาษีกับ สหรัฐอเมริกา นั้น นายเอกนิติระบุว่า ภายหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะยุทธศาสตร์การเจรจา ได้มีการหารือกับผู้แทนการค้าสหรัฐฯ (USTR) ผ่านช่องทางออนไลน์ไปแล้วหนึ่งครั้ง ซึ่งเป็นการพูดคุยในกรอบที่ได้มีการลงนามในระดับอาเซียน โดยยึดตาม เฟรมเวิร์คการเจรจา ที่ต่อเนื่องมาจากรัฐบาลชุดก่อน การหารือครอบคลุมรายละเอียดของสินค้าว่าจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราเท่าไร หรือสินค้าชนิดใดจะได้รับการยกเว้น ซึ่งมีเอกสารแนบท้ายมาทั้งหมดแล้ว และอาจมีการ ลดหย่อนภาษี ให้แก่สินค้าบางรายการ โดยการดำเนินการส่วนนี้เป็นการทำงานร่วมกันระหว่างภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์
"หากประเทศไทยไม่มีสินค้าเหล่านั้นอยู่แล้ว เช่น รถยนต์ที่พวงมาลัยอยู่คนละข้างกับของสหรัฐฯ ก็ไม่น่ากังวล ดังนั้น เรื่องนี้สิ่งต่าง ๆ ที่สามารถเปิดได้ก็ต้องพิจารณาร่วมกัน โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ไทยมี ข้อตกลงเขตการค้าเสรี (FTA) อยู่หลายฉบับ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถนำมาเป็นมาตรฐานในการเจรจาได้ โดยกรอบการเจรจามีข้อดี คือจะช่วย ยกระดับมาตรฐานความโปร่งใส ซึ่งทั้งหมดอยู่ในเฟรมเวิร์คที่ทางสหรัฐฯ มองว่าอาจเป็นต้นทุนและอุปสรรคทางการค้าด้วย ซึ่งเราต้องกลับมาพิจารณาถึงข้อดีและข้อเสียเป็นอย่างไร" นายเอกนิติกล่าว
ในประเด็นที่กระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกถ้อยแถลงร่วมกันเกี่ยวกับนโยบายอัตราแลกเปลี่ยนและการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยทั้งสองฝ่ายระบุว่าจะไม่ใช้นโยบายอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อมุ่งสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันนั้น นายเอกนิติชี้แจงว่า ธปท. จะมีหนังสือชี้แจงตามมา ซึ่งปัจจุบันมีกลไกในการดูแล เสถียรภาพค่าเงิน อยู่แล้ว และเรื่องนี้เป็นหน้าที่ของ ธปท. หรือธนาคารกลางที่จะต้องพิจารณา รักษาเสถียรภาพราคาและค่าเงิน
"ขอยืนยันว่า ประเทศไทยไม่ได้มีการบิดเบือน อะไร และที่ผ่านมา ธปท. ก็ได้ระมัดระวังในเรื่องนี้เป็นอย่างดีที่สุดอยู่แล้ว แต่หากมีสิ่งใดที่บิดเบือนหรือผิดธรรมชาติ ก็ต้องดำเนินการไปตามกลไก เพื่อรักษาเสถียรภาพตามปกติ" นายเอกนิติกล่าวปิดท้าย
#เอกนิติ #เงินเทา #ฟอกเงิน #อาชญากรรมไซเบอร์ #ปปง #กม.สากล #เจรจาภาษี #ค่าเงินบาท #เศรษฐกิจไทย








