"อาทิตย์ 26 ตุลาคม 2568 เป็นกฐินพรรษาที่สองแล้วสำหรับ วัดสยามพุทธาธิราช เมืองนาโง่ย่า จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึฃมีคณะศรัทธาคริบครัวคนไทย-ญี่ปุ่น และคณะจากเมืองไทยเดินทางมาเป็นเจ้าภาพกฐินสามัคคีในครั้งนี้ เช่น นายบุญชัย ศรีชัยยงพานิช ,คุณกิตติพงษ์ สารสมบูรณ์ ผู้อำนวยการฝ่ายบริการลูกค้าและการตลาดการบินไทย,คุณรัก วัชชรีชนาเดช ,คุณทอปัด สุบรรณรักษ์ ,คุณพัชรศรี เบญจมาศ (กาละแมร์),คุณจิรัญญา ตรีรพัฒนานนท์และบริษัท อีสเทิร์น โพลีแพค จำกัด นำโดยคุณธีระวัฒน์ วิฑูรปกรณ์ และพระคุณเข้าที่จำพรรษาในประเทศญี่ปุ่นและจากวัดบวรนิเวศวิหารร่วมพิธีจำนวน 22 รูป(พระไทย 20 รูป พระญี่ปุ่น 2 รูป รายชื่อดังต่อไปนี้
1.พระธรรมวชิราธิการ วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร2.พระเทพวชิรกิจมงคล วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร 3.พระครูปัญญาสิริทัศน์ วัดพุทธเดชมงคล มัสสึโมโต้ นางาโน่ 4..พระครูไพศาลสมนาคุณ วัดป่าสมณวงศ์ วากายามะ 5.พระครูสังฆสิทธิกร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร 6.พระครูวิทิตศีลโสภณ (เก่ง สีลเตโช) วัดอิ่มบุญธัมมาราม กรุงโตเกียว 7.พระครูสังฆรักษ์ สายันต์ ปัญญาวุโธ วัดพุทธเดชมงคล มัสสึโมโต้ นางาโน่ 8.พระครูสังฆรักษ์ มาวิน ขันติโก วัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ 9.พระสากล ขันติโก วัดป่าอภิปุญโญ สึคุบะ อิบารากิ 10.พระทรงกิต ปยุตโต วัดป่าสาลีบุญ วาคายามะ 11.พระครูเชษฐธรรมจารี (เชษฐา เขมจาโร) วัดพุทธเดชมงคล มัสสึโมโต้ นางาโน่12.พระเจษฎา สคารโว วัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ 13.พระทินกร ณัฏฐิโก วัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ 14.พระพิทักษ์ ธนปัญโญวัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ 15.พระครูใบฎีกา สหภาพ โชติโก วัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ 16.พระไพบูลย์ อมโร วัดสยามพุทธาธิราช นาโงย่า ไอจิ
17.พระมหาวโรตม์ ธัมมวโร วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร 18.พระธรรมนูญ ธัมมทินโน วัดป่าสมณวงศ์ วากายามะ 19.พระสี่แสน อธิจิตโต วัดป่าสมณวงศ์ วากายามะ 20.พระอาคม คัมภีรปัญโญ วัดป่าอภิปุญโญ สึคุบะ อิบารากิ 21.หลวงพ่อTakaoka (しゅうちょう たかおか) พระญี่ปุ่น 22.หลวงพ่อMyoshin (しゃく みょうしん) พระญี่ปุ่น ขอทุกๆสายบุญจากหลากหลายจังหวัดในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้เดินทางมาร่วมทอดกฐินสามัคคีในครั้งนี้ ยอดสุทธิบริวารกฐินสามัคคีประจำปี 2568/2025
เท่ากับ 5,732,255 เยน (ห้าล้านเจ็ดแสนสามหมื่นสองพันสองร้อยห้าสิบห้าเยนถ้วน ---อัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 ตุลาคม 2568)
ที่มาต้นเหตุแห่งกฐินครั้ฃพุทธกาล เริ่มจากภิกษุชาวเมืองปาไฐยรัฐ 30 รูป ได้เดินทางเพื่อมาเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า ณ วัดเชตวันมหาวิหาร เมืองสาวัตถี แต่ยังไม่ทันถึงเมืองสาวัตถี ก็ถึงวันเข้าพรรษาเสียก่อน พระสงฆ์ทั้ง 30 รูป จึงต้องจำพรรษา ณ เมืองสาเกตุในระหว่างทาง พอออกพรรษาแล้ว ภิกษุเหล่านั้นจึงได้ออกเดินทางมาเข้าเฝ้าพระศาสดาด้วยความยากลำบากเพราะฝนยังตกชุกอยู่ เมื่อเดินทางถึงวัดพระเชตวัน พระพทธเจ้าได้ตรัสถามถึงความเป็นอยู่และการเดินทาง เมื่อทราบความลำบากนั้นจึงทรงอนุญาตให้ภิกษุผู้จำพรรษาครบถ้วนไตรมาสสามารถรับผ้ากฐินได้ และภิกษุผู้ได้กรานกฐินได้อานิสงส์ 5 ประการ ภายในเวลาอานิสงส์กฐิน (นับจากวันที่รับกฐินจนถึงวันขึ้น 15 ค่ำเดือน 4) คือ
1. ไปไหนไม่ต้องบอกลา
2. ไม่ต้องถือไตรจีวรไปครบสำรับสามผืน
3. ฉันคณโภชนะได้ (รับนิมนต์ที่เขานิมนต์โดยออกชื่อโภชนะฉันได้)
4. เก็บอดิเรกจีวรไว้ได้โดยที่ยังมิได้วิกัปป์ และอธิษฐาน โดยไม่ต้องอาบัติ
5. จีวรลาภอันเกิดขึ้น จักได้แก่ภิกษุผู้ได้กรานกฐินแล้ว
กฐิน เป็นศัพท์บาลี แปลตามศัพท์ว่าไม้สะดึง คือ “กรอบไม้” หรือ “ไม้แบบ” สำหรับขึงผ้าที่จะเย็บเป็นจีวรในสมัยโบราณ ซึ่งผ้าที่เย็บสำเร็จจากกฐินหรือไม้สะดึงแบบนี้เรียกว่า ผ้ากฐิน (ผ้าเย็บจากไม้แบบ)
กฐิน อาจจำแนกตามความหมายเพื่อความเข้าใจง่ายได้ดังนี้
1. กฐิน เป็นชื่อของกรอบไม้แม่แบบ (สะดึง) สำหรับทำจีวร ดังกล่าวข้างต้น
2. กฐิน เป็นชื่อของผ้าที่ถวายแก่พระสงฆ์เพื่อกรานกฐิน (โดยได้มาจากการใช้ไม้แม่แบบขึงเย็บ)
3. กฐิน เป็นชื่อของงานบุญประเพณีถวายผ้าไตรจีวรแก่พระสงฆ์เพื่อกรานกฐิน
4. กฐิน เป็นชื่อของสังฆกรรมการกรานกฐินของพระสงฆ์
ความสำคัญพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่น
การถวายกฐินนั้นมีข้อจำกัดหลายอย่าง ซึ่งทำให้การถวายกฐินมีความความพิเศษแตกต่างจากทานอย่างอื่นดังนี้
1. จำกัดประเภททาน คือ ต้องถวายเป็นสังฆทานเท่านั้น จะถวายเฉพาะเจาะจงภิกษุรูปใดรูปหนึ่งเหมือนทานอย่างอื่นไม่ได้
2. จำกัดเวลา คือกฐินเป็นกาลทานอย่างหนึ่ง (ตามพระบรมพุทธานุญาต) ดังนั้นจึงจำกัดเวลาว่าต้องถวายภายในระยะเวลา 1 เดือน นับแต่วันออกพรรษา เป็นต้นไป
3. จำกัดงาน คือ พระภิกษุที่กรานกฐินต้องตัด เย็บ ย้อม และครองให้เสร็จภายในวันที่กรานกฐิน
4. จำกัดไทยธรรม คือ ผ้าที่ถวายต้องถูกต้องตามลักษณะที่พระวินัยกำหนดไว้
5. จำกัดผู้รับ คือ พระภิกษุผู้รับกฐิน ต้องเป็นผู้ที่จำพรรษาในวัดนั้นโดยไม่ขาดพรรษา และจำนวนไม่น้อยกว่า 5 รูป
6. จำกัดคราว คือ วัด ๆ หนึ่งรับกฐินได้เพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น
7. เป็นพระบรมพุทธานุญาต ทานอย่างอื่นทายกทูลขอให้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอนุญาต เช่น มหาอุบาสิกาวิสาขาทูลขออนุญาตผ้าอาบน้ำฝน แต่ผ้ากฐินนี้พระองค์ทรงอนุญาตเอง นับเป็นพระประสงค์โดยตรง
ตามพระวินัยแล้ว ไม่ได้จำแนกการทอดกฐิน (การถวายผ้ากฐินแก่พระสงฆ์) ออกเป็นชนิด ๆ ไว้แต่อย่างใด คงกล่าวแต่เพียงในส่วนการทำหรือรับผ้ามากรานกฐินของพระสงฆ์เท่านั้น แต่หากพิจารณาจากประเพณีที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน คงพอจำแนกชนิดของการทอดกฐินได้เป็นสองคือ จุลกฐิน คือ คำเรียกการทอดกฐินที่ต้องทำด้วยความรีบด่วน โดยต้องอาศัยความสามัคคีของผู้ศรัทธาจำนวนมาก เพื่อผลิตผ้าไตรจีวรให้สำเร็จด้วยมือภายในวันเดียว กล่าวคือ ต้องเริ่มตั้งแต่เก็บฝ้าย ตัดเย็บ ย้อม และถวายให้พระสงฆ์กรานกฐินให้เสร็จภายในเวลาเช้าวันหนึ่งจนถึงย่ำรุ่งของอีกวันหนึ่ง ดังนั้นโบราณจึงนับถือกันว่าการทำจุลกฐินมีอานิสงส์มาก เพราะต้องใช้ความอุตสาหะพยายามมากกว่ากฐินแบบธรรมดา (มหากฐิน) ภายในระยะเวลาอันจำกัด โดยจุลกฐินนี้ปัจจุบันมักจัดเป็นงานใหญ่ มีผู้เข้าร่วมเป็นจำนวนมาก ประเพณีการทอดจุลกฐินนี้เป็นประเพณีที่พบเฉพาะในประเทศไทยและลาว ไม่ปรากฏประเพณีการทอดกฐินชนิดนี้ในประเทศพุทธเถรวาทประเทศอื่น
สำหรับประเทศไทย มีหลักฐานว่ามีการทอดจุลกฐินมาแล้วตั้งแต่สมัยอยุธยา ดังปรากฏในหนังสือคำให้การชาวกรุงเก่า หน้า 268 ว่า “ถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒) โปรดให้ทำจุลกฐิน” ปัจจุบันประเพณีการทำจุลกฐินนิยมทำกันเฉพาะชุมชนทางภาคเหนือและอีสานเท่านั้น โดยอีสานจะเรียกกฐินชนิดนี้ว่า “กฐินแล่น” (จุลกฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก)
กฐินอีกประเภทกนึ่งคือ มหากฐิน เป็นศัพท์ที่เรียกเพื่อหมายความถึงการทอดกฐินที่มีบริวารกฐินมาก ไม่ต้องทำโดยเร่งรีบเหมือนจุลกฐิน มหากฐินคือกฐินที่ทอดถวายตามวัดต่าง ๆ ในประเทศไทยในปัจจุบัน ที่จะมีการรวบรวมจตุปัจจัยไทยธรรมและสิ่งของต่าง ๆ เพื่อนำไปเป็นเครื่องประกอบในงานกฐินถวายแก่พระสงฆ์ เพื่อนำไปทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาต่อไป (มหากฐินไม่ใช่ศัพท์ที่ปรากฏในพระวินัยปิฎก) โดยมหากฐินนั้นอาจเป็นกฐินที่มีเจ้าภาพเพียงคนเดียวหรือกฐินสามัคคีก็ได้" ที่มา เพจเฟซบุ๊ก ชินวัฒน์ ตั้งสุทธิจิต
#กฐิน2568 #วัดสยามพุทธาธิราช #กฐินญี่ปุ่น #กาละแมร์ #บุญใหญ่ #นาโงย่า #พลังศรัทธา







