การลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในการพัฒนาความหลากหลายของห่วงโซ่อุปทานของแร่ธาตุที่มีความสำคัญในระดับโลก หรือที่เรียกสั้น ๆ ว่า “MOU แรร์เอิร์ธ” ระหว่างรัฐบาลไทยนำโดย นายอนุทิน ชาญวีรกูล และรัฐบาลสหรัฐอเมริกานำโดย นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้จุดกระแสความสนใจในวงกว้างจนทำให้คำว่า “แรร์เอิร์ธ” หรือ ธาตุหายาก (Rare Earth Elements - REEs) กลายเป็นคำค้นหายอดนิยม
ในทางรัฐศาสตร์แล้ว ข้อตกลงนี้มิใช่เพียงสัญญาทางการค้า แต่คือหมุดหมายสำคัญที่สะท้อนถึงการช่วงชิงอำนาจทางภูมิรัฐศาสตร์โลกในยุคแห่งเทคโนโลยีและพลังงานสะอาดอย่างชัดเจน ด้วยเหตุนี้ การทำความเข้าใจว่าแรร์เอิร์ธทั้ง 17 ธาตุ ซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญในเทคโนโลยีล้ำสมัย ตั้งแต่มอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้า (EV) กังหันลม ไปจนถึงระบบป้องกันประเทศ คือ “วัตถุดิบยุทธศาสตร์” ที่มีผลต่อความมั่นคงแห่งชาติ จึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าธาตุเหล่านี้จะไม่ได้มีปริมาณน้อยในเปลือกโลกตามชื่อ แต่การที่แร่มักจะกระจายตัวอยู่ทั่วไป ทำให้การขุดและสกัดแยกเพื่อให้ได้ธาตุบริสุทธิ์เพื่อใช้ในอุตสาหกรรมนั้นเป็นเรื่องที่ ยาก ซับซ้อน และมีต้นทุนสูง จึงกลายเป็นหัวใจสำคัญของการช่วงชิงทางอำนาจ
แรงผลักดันหลักที่อยู่เบื้องหลังความร่วมมือนี้คือความกังวลด้าน ความมั่นคงทางเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์โลก ของสหรัฐอเมริกา เนื่องจากจีนได้เข้าควบคุมห่วงโซ่อุปทานแรร์เอิร์ธทั้งหมด คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 60-70% ของอุปทานโลก การพึ่งพาแหล่งผลิตเดียวเช่นนี้สร้างความเสี่ยงอย่างมหาศาลต่อการถูกใช้เป็นเครื่องมือต่อรองทางการค้าและการเมือง ดังนั้น วัตถุประสงค์หลักของสหรัฐฯ คือการ ลดการพึ่งพาจีน และสร้าง ห่วงโซ่อุปทานใหม่ที่มั่นคงและยั่งยืน โดยการร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในภูมิภาคต่าง ๆ อย่างประเทศไทย เพื่อสนับสนุนการสำรวจ การสกัด และการแปรรูปแร่ธาตุสำคัญ เพื่อกระจายความเสี่ยงและรักษาความได้เปรียบทางเทคโนโลยีในระยะยาว ซึ่ง MOU นี้ตอบโจทย์ยุทธศาสตร์ดังกล่าวอย่างสมบูรณ์แบบ
อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงดังกล่าวได้นำมาซึ่งเสียงวิจารณ์จาก ฝ่ายค้าน ที่แสดงความกังวลอย่างหนักว่า การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านวัตถุดิบยุทธศาสตร์นี้ อาจทำให้ประเทศไทย ตกเป็นเบี้ยล่าง ของสหรัฐอเมริกา และถูกดึงเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างมหาอำนาจโดยไม่จำเป็น ฝ่ายค้านตั้งข้อสังเกตว่า การที่ไทยยังไม่พบแหล่งแร่ที่คุ้มค่าเชิงพาณิชย์ แต่กลับถูกผลักดันให้เป็นฐานการแปรรูป อาจทำให้ไทยต้องแบกรับความเสี่ยงด้าน สิ่งแวดล้อม และ ต้นทุน ในการสร้างอุตสาหกรรมสกัดและแปรรูปที่ใช้เทคโนโลยีสูงและซับซ้อนตามมาตรฐานของสหรัฐฯ โดยที่ผลประโยชน์สูงสุดอาจตกอยู่กับบริษัทต่างชาติ มากกว่าผลประโยชน์ของชาติในระยะยาว ซึ่งเป็นมุมมองที่ต้องนำมาพิจารณาประกอบกับโอกาสที่ประเทศจะได้รับ
ในส่วนของประเทศไทย ข้อมูลจากกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ ชี้ให้เห็นว่าแม้ประเทศไทยจะมีการค้นพบแร่แรร์เอิร์ธ เช่น โมนาไซต์ และซีโนไทม์ กระจายอยู่ตามพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันตก โดยเฉพาะบริเวณที่เคยทำเหมืองแร่ดีบุก แต่ปัจจุบันยังไม่พบแหล่งแร่ที่มีความเข้มข้นสูงพอสำหรับการทำเหมืองเชิงพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชี่ยวชาญในการแปรรูปแร่หนักที่สั่งสมมา ทำให้ไทยผงาดขึ้นสู่การเป็น ผู้ผลิตแรร์เอิร์ธรายใหญ่ของโลก ในแง่ของผลผลิตแร่ โดยมีรายงานว่าผลผลิตของไทยในปี 2024 อยู่ใน อันดับ 6 ของโลก ด้วยปริมาณราว 13,000 เมตริกตัน ซึ่งเป็นสัญญาณสำคัญว่าไทยมีศักยภาพในการเป็นฐานการผลิต
การลงนาม MOU นี้จึงเป็นโอกาสสำคัญในการยกระดับบทบาทของไทย จากการเป็นผู้ผลิตผลผลิตแร่ไปสู่การเป็นผู้ผลิต ผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมูลค่าสูง ด้วยการนำเข้าแร่เข้มข้นมาแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงอย่าง แม่เหล็กถาวรประสิทธิภาพสูง ที่ใช้ในอุตสาหกรรม EV ซึ่งทำให้ไทยมีมูลค่าการส่งออกโลหะหายากและออกไซด์รวมกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี
และหลังการลงนาม ยังได้มีการริเริ่มจัดตั้ง “ศูนย์ความเป็นเลิศแรร์เอิร์ธ” ขึ้นในประเทศ ซึ่งจะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการวิจัย การสกัด การแปรรูป และการรีไซเคิลในภูมิภาค การขับเคลื่อนนี้ถือเป็นการวางเดิมพันเชิงยุทธศาสตร์ที่มุ่งเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจไทยให้เป็นผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปลายน้ำมูลค่าสูงในตลาดโลก ที่คาดการณ์ว่ามูลค่าจะเติบโตมหาศาลจากหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปัจจุบัน ไปสู่กว่า 20 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2035 การเข้าร่วมเป็นพันธมิตรด้านวัตถุดิบยุทธศาสตร์กับสหรัฐฯ จึงไม่เพียงแต่เพิ่มความมั่นคงทางเทคโนโลยีและเศรษฐกิจเท่านั้น แต่ยังเป็นการเพิ่ม อำนาจต่อรองทางการทูต และยืนยันความสำคัญของประเทศไทยในฐานะผู้เล่นหลักที่ร่วมปรับสมดุลอำนาจในภูมิรัฐศาสตร์ของห่วงโซ่อุปทานโลกยุคใหม่ ซึ่งรัฐบาลต้องบริหารความคาดหวังและข้อกังวลของทุกฝ่ายอย่างรอบด้าน เพื่อให้มั่นใจว่าผลประโยชน์สูงสุดจะตกอยู่กับประเทศอย่างแท้จริง
#MOUแรร์เอิร์ธ #ธาตุหายาก #RareEarth #ไทยสหรัฐ #EV #ภูมิรัฐศาสตร์ #ฝ่ายค้าน #ความมั่นคงเศรษฐกิจ








