เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 27 ต.ค. (ตามเวลาท้องถิ่นกรุงกัวลาลัมเปอร์ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง) นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทยให้สัมภาษณ์ถึงผลการลงนามในถ้อยแถลงกับกัมพูชา โดยยืนยันว่า ไม่มีการเปิดด่าน ยังไม่ถึงจุดนั้น ถ้อยแถลงที่ลงนามกับกัมพูชา โดยที่มีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน ร่วมเป็นสักขีพยานด้วยนั้นเป็นการกำหนดว่า แต่ละประเทศ จะต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง
"แต่ประเทศไทยก็ดีหน่อย เพราะไม่ได้เป็นฝ่ายที่ละเมิด ดังนั้นการดำเนินการ จะต้องเริ่มจากทางฝ่ายกัมพูชาก่อน เช่น การถอนอาวุธหนักออกจากพื้นที่ชายแดน ซึ่งเมื่อคืนนี้ก็ทำแล้ว และเมื่อเขาทำแล้ว เราก็ทำ เพราะเราก็มีอาวุธหนักเช่นเดียวกัน แต่ในการลงนามไม่ได้บอกว่าเราต้องถอน แต่เมื่อเขาแสดงท่าทีที่มีเจตจำนงที่จะถอนอาวุธหนักออกไปอย่างมีนัยสำคัญ เราก็แสดงท่าทีให้เขาเห็นว่า เราก็พร้อมที่จะถอน เพื่อทำให้เกิดช่องในการเจรจา และช่องในการที่จะทำให้เกิดความเข้าใจ และเพิ่มมากยิ่งขึ้น"นายกฯ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขั้นตอนขณะนี้จะมีการหารือกันในระหว่างกองทัพของทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งจะหารือผ่านช่องทางทวิภาคี และดำเนินการถอนอาวุธออกไปจนเป็นที่พอใจ โดยที่คนกลางคือคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน คือตัวแทนผู้ช่วยทูตทหารอาเซียนที่จะมาเป็นตัวแทน เพื่อเป็นคนที่ยืนยันว่า ทางคู่กรณีได้ปฏิบัติตามข้อตกลงแล้ว
จากนั้นเรื่องการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญกว่า เพราะทุ่นระเบิดสามารถทำอันตรายกับคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ตรงไหนก็ได้ โดยคนที่จะทำการเก็บกู้ คือฝั่งไทย และมีคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (AOT) เป็นผู้สังเกตการณ์คอยดู และเราก็มีความคาดหวังว่า ฝ่ายกัมพูชาจะไม่ขัดขวาง ซึ่งคิดว่าคงจะไม่ขัดขวาง เพราะเป็นหนึ่งในข้อตกลงของปฏิญญา หลังจากนั้นจะมาพูดคุยเรื่องสแกมเมอร์ หาวิธีการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ยืนยันว่า ฝ่ายไทยดำเนินการเต็มที่ ทั้งการตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต การสืบหาธุรกรรม เส้นทางการเงิน ดำเนินคดีกับคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง และเราก็รอฝั่งกัมพูชาที่จะให้ข้อมูลมาเพิ่มมากขึ้น เพื่อมาสนธิกำลังกัน และปราบปราม
นายกฯ กล่าวอีกว่า สุดท้ายคือ การบริหารจัดการพื้นที่ที่เป็นพื้นที่ทับซ้อน ขณะนี้เราเน้นไปที่บ้านหนองจาน และบ้านหนองหญ้าแก้ว จังหวัดสระแก้ว ส่วนของกัมพูชาที่ล้ำมาฝั่งไทยก็มี และส่วนของฝั่งไทย ที่ล้ำไปฝั่งกัมพูชาก็มีเช่นกัน ซึ่งหากจะแฟร์ ก็ต้องแฟร์ทั้งสองฝ่าย และถ้าตกลงได้แล้ว มีของเราล้ำเข้าไป เราก็ต้องกลับมา และรัฐบาลไทยต้องจัดหาที่อยู่ให้กับคนที่ล้ำเข้าไปฝั่งกัมพูชา เช่นเดียวกันกับฝั่งกัมพูชาที่ล้ำเข้ามาในฝั่งไทย หากทำเช่นนี้ได้ ความเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศไทยจะลดน้อยลง และจากนั้นมาเริ่มฟื้นฟูเรื่องความสัมพันธ์ทางการทูต เพราะเราได้เรียกทูตฯกลับมาแล้ว
นายกฯกล่าวด้วยว่า สิ่งที่ฝ่ายไทยมีอยู่ก็คือหากทางกัมพูชาได้ดำเนินการไปในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะทำการคืนตัวผู้ที่เราควบคุมตัวอยู่ 18 คน เร่งดำเนินการส่งคืนให้กับกัมพูชา ส่วนการฟื้นฟูความสัมพันธ์ทางการทูตหรือการเปิดด่านนั้นยังอยู่ในลำดับท้ายๆสิ่งนี้จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อฝ่ายไทยได้ประเมินแล้ว และต้องมีความเชื่อมั่น ว่าความเป็นภัยของประเทศกัมพูชาต่อความมั่นคงของประเทศไทยลดลงไปในระดับที่ไม่มีความเป็นภัยเกิดขึ้นแล้วจึงจะมาเริ่มฟื้นฟูสิ่งเหล่านั้น
เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่าจะมีการเปิดด่านในวันที่ 1 พ.ย.นี้ นายกฯ กล่าวยืนยันว่า ยัง ตนไม่ทราบว่าใครไปกำหนดวันนั้น แต่ทั้งหมดจะช้าหรือเร็ว ขึ้นอยู่ที่ความจริงใจในการเข้ามาเร่งแก้ไขปัญหาของทั้งสองประเทศ หากกัมพูชาดำเนินการ ไทยจะมีการประเมินโดยเร็ว และตอบสนองในแต่ละเรื่อง โชคดีที่ในกรณีนี้ ประเทศไทยเราสามารถอยู่ในสถานะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขได้ เพราะเราเป็นฝ่ายที่ถูกรุกรานเข้ามา ดังนั้น เมื่อกำหนดเงื่อนไขแล้ว และเขาทำตามแล้ว เราก็จะต้องเร่งประเมิน และทำให้ความขัดแย้งในทุก ๆ มิติลดลงไป แต่ก็ไม่มีใครต้องการความขัดแย้ง
"ด่านยังไม่เปิด เดี๋ยวก็มีคนไปพูดว่าเดี๋ยวก็เปิดด่านอีกแล้ว ไทยมีการยอมนั่น ยอมนี่ ซึ่งกัมพูชาจะต้องดำเนินการตามเงื่อนไขอย่างเป็นรูปธรรมก่อน ถึงจะมีการพิจารณา" นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย มีกำหนดการเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคสมัยที่ 32 และการประชุมที่เกี่ยวข้อง ระหว่างวันที่ 29 ต.ค.-1 พ.ย. 2568 ณ เมืองคยองจู สาธารณรัฐเกาหลี








