ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ ได้ประกาศจุดยืนอย่างชัดเจนในการกระชับความร่วมมือกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมย้ำว่าสหรัฐฯ มีความต้องการที่จะเป็น หุ้นส่วนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นของภูมิภาค
ทรัมป์กล่าวถ้อยแถลงนี้ระหว่างการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน-สหรัฐฯ ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ โดยเน้นย้ำว่า สหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะส่งเสริมภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกให้เป็นพื้นที่ที่ เสรี เปิดกว้าง และเจริญรุ่งเรือง ท่ามกลางบริบทที่อิทธิพลของจีนกำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในภูมิภาคนี้
"สหรัฐฯ อยู่เคียงข้างพวกท่าน 100% และเราตั้งใจจะเป็นมิตรและหุ้นส่วนที่แข็งแกร่งต่อไปอีกหลายชั่วอายุคน" ทรัมป์กล่าวอย่างหนักแน่น
สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานว่า การเดินทางถึงกรุงกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันอาทิตย์ (26 ต.ค.) ของทรัมป์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมอาเซียนซัมมิตนี้ ถือเป็นการเข้าร่วมประชุมกับกลุ่มผู้นำอาเซียนครั้งแรกของผู้นำสหรัฐฯ นับตั้งแต่ปี 2560 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ชาติสมาชิกอาเซียนมักใช้เป็นตัวชี้วัดระดับความสนใจของสหรัฐฯ ต่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เนื่องจากอาเซียนดำเนินนโยบายวางตัวเป็นกลางมาโดยตลอด และพยายามหลีกเลี่ยงการถูกดึงเข้าไปอยู่ในความขัดแย้งด้านอิทธิพลที่ทวีความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ กับจีน
ทรัมป์กล่าวเพิ่มเติมว่า สหรัฐฯ กำลังอยู่ใน "ยุคทอง" และต้องการสร้างความมั่งคั่งอันยิ่งใหญ่ร่วมกับประเทศในสองฟากมหาสมุทรแปซิฟิกผ่านความร่วมมือกับอาเซียน
ในการประชุมเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้กล่าวต้อนรับทรัมป์อย่างอบอุ่น พร้อมระบุว่ามูลค่าการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับอาเซียนในปีที่ผ่านมาได้แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 4.53 แสนล้านดอลลาร์
"วันนี้ เราจะร่วมกันยกระดับความสัมพันธ์ของเราให้ยิ่งใหญ่กว่าเดิม" อันวาร์กล่าว
นอกจากประเด็นความสัมพันธ์ทวิภาคีแล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ ยังได้ประกาศความตกลงทวิภาคีกับมาเลเซียและไทย เพื่อกระจายห่วงโซ่อุปทานด้านแร่ธาตุสำคัญให้มีความหลากหลายมากขึ้นอีกด้วย
ทั้งนี้ มาเลเซียถือเป็นจุดหมายแรกในการเยือนเอเชียของทรัมป์ นับตั้งแต่กลับเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยที่สองเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา โดยมีกำหนดเดินทางต่อไปยังญี่ปุ่นในวันจันทร์ (27 ต.ค.) และเกาหลีใต้ในวันพุธ (29 ต.ค.)
#ทรัมป์ #อาเซียนซัมมิท #หุ้นส่วนอาเซียน #อินโดแปซิฟิก #ความสัมพันธ์สหรัฐจีน








