เสือตัวที่ 6
การสู้รบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการต่อสู้ที่มีความสลับซับซ้อนซ่อนปมที่มาที่ไปในหลากหลายมิติ การสู้รบในสมรภูมิปลายด้ามขวานล้วนเป็นความขัดแย้งจนถึงขั้นการสู้รบกันที่ไม่ใช่การต่อสู้ด้วยอาวุธจากความขัดแย้งแบบผิวเผินจากสาเหตุเพียงแค่ประวัติศาสตร์ ชาติพันธุ์ หรือความไม่ได้รับความเป็นธรรมในการปกครองจากรัฐไทยเท่านั้น หากแต่แท้ที่จริงแล้วเป็นการสู้รบจากหลายสาเหตุที่มีความสลับซับซ้อนจนยากที่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งโดยไม่มีองค์ความรู้อันลึกซึ้งถึงที่มาที่ไปของสงครามในพื้นที่ปลายด้ามขวาน ทำให้ไม่สามารถผลิตนโยบายหรือยุทธศาสตร์ของรัฐในการเอาชนะในสงครามครั้งนี้ได้อย่างเป็นรูปธรรม และนอกจากการเข้ามาบริหารอำนาจรัฐอย่างไม่มีองค์ความรู้ด้านความมั่นคงปลายด้ามวานที่เพียงพอแล้ว ยังไม่มีความต่อเนื่องเท่าที่ควร ส่งผลให้การขับเคลื่อนการแก่ปัญหาขาดช่วงและหน่วยปฏิบัติระดับพื้นที่ลงไปไม่มีความสม่ำเสมอในทิศทางและการเอาจริงเอาจังในแต่ละนโยบายของรัฐบาลแต่ละยุคสมัย แม้จะมีสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เป็นหน่วยงานรัฐที่ดูแลความมั่นคงในภาพรวม หากแต่ สมช.ก็ขึ้นอยู่กับทิศทางของรัฐบาลในยุคนั้นๆ ที่ต้องพลิกพลิ้วไปตามผู้นำรัฐบาล
และนอกจากนั้น พลังในการต่อสู้กับรัฐชองขบวนการร้ายแห่งนี้สามารถขับเคลื่อนมาได้อย่างต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 22 ปีนั้น เกิดจากเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลให้ขบวนการแบ่งแยกการปกครองจากรัฐในพื้นที่ปลายด้ามขวานห็คือการสร้างความชอบธรรมในการต่อสู้กับรัฐเพื่อให้ได้มาซึ่งเอกราชรัฐปัตตานีอันเป็นของพวกเขาแต่เดิมที่พวกเขาใฝ่ฝัน ด้วยการกล่าวอ้างการต่อสู้ในสภาวะที่เป็นดารุลฮารบีที่คนมลายูมุสลิมในพื้นที่ถูกรังแก กดขี่ ข่มเหง จึงปฏิบัติเป็นหน้าที่ของคนมลายูมุสลิมทุกคนที่ต้องร่วมกันต่อสู้ โดยมีนักวิชาการด้านอิสลามศึกษาให้ความจริงว่า สภาวะที่เป็นดารุลฮารบีนั้น จะต้องมี 2 ส่วน คือ 1.ชาวมุสลิมในพื้นที่ไม่สามารถปฏิบัติตามหลักการของอิสลามได้อย่างครบถ้วน และ 2.ชาวมุสลิมในพื้นที่ถูกกดขี่ข่มเหง หากแต่ในความเป็นจริงแล้วไม่มีสภาวะดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นในพื้นที่แต่อย่างใด ในทางตรงข้าม รัฐได้ให้พี่น้องชาวไทยมุสลิมในพื้นที่สามารถปฏิบัติศาสนกิจตามหลักการของอิสลามได้อย่างเต็มที่ครบถ้วน และรัฐได้ให้ความเสมอภาพ อิสรภาพ เสรีภาพในการดำรงชีวิตตามกรอบของกฎหมายของรัฐอย่างเสมอภาคเท่าเทียมกับพี่น้องไทยในพื้นที่อื่นๆ ของประเทศ
ในขณะที่ขบวนการแย่งยึดอำนาจการปกครองจากรัฐพยายามหล่อหลอมบ่มเพาะคนในพื้นที่โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนให้หลงผิดเข้าร่วมการต่อสู้กับรัฐโดยบิดเบือนคำสอนทางศาสนาว่า ดินแดนแห่งนี้เป็นดินแดนเอกราชปัตตานีของพวกเขามาก่อนที่จะถูกแย่งยึดจากสยามที่ถูกรัฐสยามปกครองจนเป็นสภาวะดารุลฮารบี และเมื่อผู้นำรัฐผู้ปกครองด้วยความไม่เป็นธรรม ใช้มาตรฐานที่ต่างกันในการปกครองคนในพื้นที่ มีนโยบายบางอย่างที่เห็นได้ว่าเป็นการทำลายอัตลักษณ์ของคนมุสลิม เมื่อเป็นดังนั้นแล้ว คนในพื้นที่ชาวมลายูมุสลิมจึงมีความชอบธรรมที่จะต่อสู้ในทุกวิถีทางที่พวกเขามีกำลังที่จะทำได้ ในความหมายว่าเป็นดารุลฮารบี จึงเป็นการต่อสู้กับผู้รุกรานยึดครองก็เป็นเรื่องที่มีความชอบธรรม การสร้างวาทกรรมดังกล่าวจึงล้วนแต่เป็นการสร้างความชอบธรรมในการต่อสู้กับรัฐด้วยการอ้างว่าพื้นที่ปลายด้ามขวานเป็นดินแดนดารุลฮารบี หรือเป็นดินแดนที่ต้องทำสงครามเพื่อศาสนาอิสลาม ทั้งๆ ที่พี่น้องมุสลิมใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ สามารถใช้ชีวิตตามหลักศรัทธา และ หลักปฏิบัติของศาสนาอิสลามได้อย่างปกติและมีความสุข
นอกจากนั้น ขบวนการร้ายแห่งนี้ยังมีการแอบอ้างว่า การต่อสู้ของขบวนการไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแบ่งแยกดินแดนใคร หากแต่เป็นการต่อสู้เพื่อทวงคืนเอกราชของรัฐปัตตานีอันเป็นแต่เดิมของพวกเขา จึงเป็นการญีฮาดคือเป็นการต่อสู้เพื่อศาสนา และถือเป็นวาญิบหรือเป็นหน้าที่ที่มุสลิมทุกคนต้องปฏิบัติ แม้ขบวนการไม่ได้เน้นย้ำชัดเจนถึงเรื่องแพ้หรือชนะ ไม่ได้กล่าวถึงจะแย่งยึดคืนดินแดนได้หรือไม่ จะสำเร็จเมื่อไร หากแต่เน้นย้ำเรื่องวาญิบที่ชาวมลายูมุสลิมต้องทำ เพราะนั่นเป็นเรื่องของพระเจ้า อันเป็นความรับผิดชอบเป็นพันธะ เหตุนี้จึงทำให้มีเยาวชนถูกบ่มเพาะความคิดซ้ำๆ ตอกย้ำเป็นความเชื่อชักนำเข้าสู่ขบวนการต่อสู้กับรัฐผู้ยึดครองด้วยความรุนแรงอย่างต่อเนื่องในทุกรูปแบบแม้การทำลายชีวิตผู้อื่น โดยอ้างว่าความชอบธรรมที่บิดเบือนหลักศาสนาเพื่อไม่ให้รู้สึกผิดบาปว่า การทำร้ายผู้บริสุทธิ์นั้นกระทำไม่ได้อยู่แล้ว หากแต่เมื่อคนเหล่านั้นมีสถานะเป็นกาฟิรฮารบี หรือคนที่ปฏิเสธอิสลามที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งสงคราม หรือคนๆ นั้นเป็นไส้ศึก เป็นส่วนหนึ่งหรือร่วมมือกับของฝ่ายตรงข้าม (รัฐสยาม) เพื่อขัดขวาง ต่อต้าน ทำลายการต่อสู้ของขบวนการ ฉะนั้นขบวนการจึงอ้างว่ามีความชอบธรรมที่จะโจมตีคนเหล่านั้นได้ เพราะไม่ใช่ผู้บริสุทธิ์ตามที่ฝ่ายตรงข้าม (รัฐสยาม) กล่าวถึงแต่อย่างใด
ด้วยการสร้างความชอบธรรมในการต่อสู้ผ่านการบิดเบือนคำสอนตามหลักศาสนาให้เป็นประโยชน์ต่อขบวนการร้ายดังกล่าว ทั้งการกล่าวอ้างถึงการเป็นดินแดนแห่งดารุลฮารบีอันเป็นดินแดนที่ต้องทำสงครามเพื่อศาสนาอิสลาม ที่กล่าวบิดเบือนยึดโยงไปถึงหลักการญีฮาด กล่าวคือเป็นการต่อสู้เพื่อศาสนา เพราะนั่นเป็นเรื่องของพระเจ้า และถือเป็นวาญิบ อันเป็นหน้าที่ที่ศักดิ์สิทธิ์ของมุสลิมทุกคนต้องต่อสู้กับผู้รุกรานในทุกรูปแบบแม้จะต้องทำลายชีวิตฝ่ายตรงข้ามและพวกอย่างมากมายด้วยความโหดเหี้ยมเพียงใดก็ตามเมื่อคนเหล่านั้นมีสถานะเป็นกาฟิรฮารบีหรือคนที่ปฏิเสธอิสลามที่อาศัยอยู่ในดินแดนแห่งสงคราม หรือเป็นฝ่ายผู้รุกรานนั้น ดังนั้น กลุ่มติดอาวุธและแนวร่วมของขบวนการร้ายแห่งนี้จึงเหิมเกริมและกล้าแข็ง ทรงพลังในการต่อสู้กับรัฐอย่างต่อเนื่องยาวนาน ผ่านการสร้างความชอบธรรมในการต่อสู้กับรัฐอย่างเข้มแข็งและคงเส้นคงวาโดยที่รัฐไม่สามารถทะลุทะลวงเข้าไปทำลายความขอบธรรมในการต่อสู้ของขบวนการแห่งนี้ได้เลยแม้แต่น้อย








