วันที่ 24 ตุลาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการแถลงเพื่อชี้แจงความโปร่งใสของ "มูลนิธิกัน จอมพลัง ช่วยสู้" นำโดย นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ หรือกัน จอมพลัง พร้อมด้วย นางสาวกาญจนา สถาวร หรือ อีฟ ประธานมูลนิธิกัน จอมพลัง ช่วยสู้ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ที่โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น ห้องพระเอราวัณ 2 ชั้น 2
นายณวัฒน์ อิสรไกรศีล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท มิสแกรนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมรับฟัง และได้สะท้อนประเด็นความไร้ประสิทธิภาพภาครัฐ จนประชาชนต้องพึ่งมูลนิธิ อาจเกิดความเสี่ยงที่เงินบริจาคจะถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ซึ่งนายณวัฒน์ ได้แสดงความเห็นอย่างเข้มข้นถึงความจำเป็นที่รัฐบาลต้องทำงานอย่างเต็มที่ เนื่องจากปัจจุบันประชาชนต้องพึ่งพาการช่วยเหลือจากองค์กรภาคเอกชนและมูลนิธิต่างๆ ส่งผลให้เกิดความเสี่ยงต่อการบริหารเงินบริจาคและความรู้สึกของประชาชน
"เนื่องจากประเทศไทยมีรัฐบาลและประชาชนเสียภาษี ดังนั้น สิ่งที่ควรทำคือไปดันรัฐบาลให้ทำงานให้กับประชาชน ไม่อยากให้ประชาชนไปเก็บงานเล็กงานน้อยงานแค่จุดย่อย งานที่จะได้จุดใหญ่คือต้องไปดันนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี ให้เกิดมหภาคทั้งประเทศ ต่อให้เราไปช่วยชายแดนอีสาน ชายแดนใต้ก็มีปัญหา ต่อให้เราไปช่วยอำเภอนี้ อำเภอนั้นก็มีปัญหา จะกลายเป็นว่าประเทศไทยไม่ไปไหน เกิดแต่ภาพอย่างเดียว แต่ไม่เกิดการเคลื่อนไหวในมหภาค ผมฝากว่า ถ้าใครคิดจะช่วยประเทศไทย ช่วยไปจัดการกับรัฐบาล หรือไปดันหลังรัฐบาลให้เกิดภาพใหญ่ และได้ทำงานจริงจัง ดีกว่าลงไปทำงานเอง แล้วกลายเป็นว่ารัฐบาลไม่ต้องทำงานบางจุด แล้วนั่งดูคนอื่นช่วยงาน เพราะว่าประเทศไทยเสียภาษีถูกต้อง ผมเสียภาษีไปเยอะพอแล้ว เงินไปไหนหมด"
ขณะเดียวกัน นายณวัฒน์ได้ตั้งคำถามถึงบทบาทของผู้ที่ออกมาให้ความช่วยเหลือสังคม โดยระบุว่า "ผมว่านักช่วยเหลือที่ดีต้องช่วยเหลือเป็นปากเป็นเสียงประชาชนเพื่อดันผู้บริหารภาษีให้เกิดประโยชน์ มิใช่มาเรี่ยไรเงินประชาชนแล้วเอาไปสร้างภาพในการที่จะมาบริจาคกันต่อเนื่องแล้วเราไม่รู้ว่าจริงๆ เป็นของใคร"
นอกจากนี้ นายณวัฒน์ยังได้กล่าวถึงความเสี่ยงที่เงินบริจาคจะถูกทุจริต และความไม่โปร่งใสที่ทำให้ประชาชนไม่สบายใจ โดยได้ยกตัวอย่างมูลนิธิที่เคยมีชื่อเสียงแต่ภายหลังมีปัญหา เพื่อตอกย้ำความจำเป็นของการตรวจสอบ โดยกล่าวถึงประสบการณ์ที่ตนมีกับมูลนิธิในอดีตว่า "ผมมีประสบการณ์กับประสิทธิ์ เจียวก๊ก มูลนิธิคืนคุณแผ่นดิน เป็นคนดีช่วยคน เดินตระเวนรับบริจาค ทำทุกอย่าง ปัจจุบันอยู่ในคุก มาขึ้นศาลก็แหกคุก ผมก็บริจาคไปเยอะเหมือนกัน วัดพระบาทน้ำพุ มูลนิธิท่านอลงกต พูดวาทศิลป์สวย ถามกี่ครั้งก็ตอบสวย ก็เช่นเดียวกัน เหมือนทนายตั้มเหมือนกัน ก็ตั้งมูลนิธินิดหน่อย ก็อย่างนี้"
นายณวัฒน์แสดงความเห็นว่า การที่ประชาชนบริจาคเงินจำนวนมากให้กับมูลนิธิโดยที่ยังไม่ทราบรายละเอียดที่ชัดเจนว่าใครคือประธานหรือผู้มีอำนาจในการใช้เงิน โดยเฉพาะประเด็นที่มูลนิธิกันจอมพลังช่วยสู้ไม่ได้นำเสนอข้อมูลอย่างรอบด้านและชัดเจน ทำให้สังคมเกิดความรู้สึกไม่สบายใจ
"เรามายืนอยู่ตรงนี้เราไม่ได้บอกว่าคุณกันทำผิด เราไม่ได้บอกว่ามูลนิธิทำผิด แต่กำลังบอกว่ามูลนิธิไม่ได้ presentation อย่างครบด้าน และชัดเจน ก่อนที่จะพาไปสู่การ เหมือนอิงแอบการเมือง ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ที่คนจะต้องคิด คนเราเวลาที่จะทำอะไรลงไปมันบ่งบอกเจตนาและวิธีการ ตรงนี้เองเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่สบายใจ แต่ถามว่าผิดไหม ตอบว่าไม่ผิดนะครับ ต่อให้เป็นมูลนิธิของคุณธรรมนัสก็ไม่ได้ผิด แต่อาจผิดตรงที่คุณกันชอบบอกว่าสนิทบ้างไม่สนิทบ้าง กลับไปกลับมา อันนี้เป็นเรื่องบุคลิกภาพส่วนตัว แต่ถามว่ากฎหมายผิดไหม ไม่ผิด พูดชัดเจนว่าไม่ผิด แต่เยียวยาความรู้สึกของประชาชนที่กำลังดิ่งลงเหว เนื่องจากไม่ได้บอกข้อมูลครบด้าน ไม่ได้บอกว่าใครเป็นประธานมูลนิธิ ไม่ได้บอกข้อ 39 จู่ๆเรื่องแดงมาถึงจะเปิด แล้วก็มีคนเปิดมาอีกหลายเรื่อง ตรงนี้เป็นสิ่งที่ผิดพฤตินัย ไม่ได้ผิดกฎหมายเท่านั้นเอง" นายณวัฒน์ กล่าว








