บทความ บทวิเคราะห์

เชื่อม CMIS -CRIMES ONLINE อีกนวัตกรรมแก้เกมรถหนีพรบ.ฯ

แชร์ข่าว

บอย อินชัวร์

นับเป็นอีกหนึ่งความหวังของการแก้ปัญหารถจักรยานยนต์นอกระบบที่หนีการทำประกันพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (พ.ร.บ.) ให้เข้าสู่ระบบได้อีกวิธีหนึ่งของปลายน้ำ จากก่อนหน้านี้ ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ อดีตเลขา คปภ. ได้เคยดำเนินการความร่วมมือแก้ปัญหาร่วมกับกรมขนส่งทางบกที่ต้นน้ำมาครั้งหนึ่งแล้ว เพื่อให้บังคับใช้ กม. บังคับรถ ทุกคันทำประกัน พ.ร.บ. เพื่อมิให้เป็นปัญหารถขาดต่ออายุ และอยู่นอกระบบโดยไม่มีการต่อทะเบียนกับขนส่งเพิ่มขึ้น จนเป็นภาระรถที่ทำประกัน พ.ร.บ. ต้องไม่คุ้มครองรถที่เกิดเหตุแล้วไม่มีประกัน พ.ร.บ. แต่ทว่า เข้มงวดกวดขัน ได้ระดับหนึ่ง ก็ยังแก้ไขได้ไม่ สะเด็ดน้ำ สักที กับการจัดการปัญหารถหลุดออกนอกระบบ ไม่ต่อทะเบียนและขาดต่อทำประกัน พ.ร.บ. อีกจำนวนมาก

ทว่า การ MOU เชื่อมโยงระบบ CMIS ของสำนักงาน คปภ. กับระบบ CRIMES ONLINE ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อล่าสุด ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการฐานข้อมูลภาครัฐ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน นับเป็นนิมิตหมายใหม่ของนวัตกรรมความร่วมมือระหว่าง สตช. กับ คปภ. ที่ถือเป็นเครื่องมือของเล่นใหม่สำหรับความหวังธุรกิจประกันในการบริหารจัดการปลายน้ำของปัญหาก็ว่าได้ทีเดียว เพราะการบริหารจัดการนั้นจะกระทำได้ต่อเมื่อรถที่ ปรากฏ รับแจ้งความเป็นคดีความกับตำรวจเรียบร้อยแล้วเท่านั้น

โดยสำนักงาน คปภ. โดยฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ (สคร.) ได้จัดพิธีเปิดการอบรม “โครงการพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยสนับสนุนเพื่อขับเคลื่อนภารกิจตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” ซึ่ง นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ สำนักงาน คปภ. เป็นประธานเปิดการอบรม ณ โรงแรมอัศวิน แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.

ทั้งนี้ นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ ได้กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ได้ดำเนินการขับเคลื่อนภารกิจด้านการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถอย่างต่อเนื่อง เพื่อพัฒนาศักยภาพบุคลากรของหน่วยสนับสนุนให้มีความรู้ ความเข้าใจ และทักษะในการบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานภาคี โดยเฉพาะสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ และสร้างกลไกการช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึงและเป็นธรรม

โดยครั้งนี้ได้ร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการพัฒนาและเชื่อมโยงระบบฐานข้อมูลระหว่างหน่วยงาน เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตรวจสอบการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับได้อย่างถูกต้อง รวดเร็ว และโปร่งใส ผ่านการเชื่อมโยงระหว่างระบบ CMIS ของสำนักงาน คปภ. กับระบบ CRIMES ONLINE ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการบูรณาการฐานข้อมูลภาครัฐ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและเสริมสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน

อีกทั้งยังมีการบรรยายให้ความรู้จากวิทยากรทั้งจากสำนักงาน คปภ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อเสริมสร้างความเข้าใจด้านการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถและการบูรณาการทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมี นายธีระยุทธ ไผ่ตาแก้ว หัวหน้ากลุ่มระบบคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ ฝ่ายสำนักนายทะเบียนคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ สำนักงาน คปภ. บรรยายในหัวข้อ “Together for Safety : ประกันภัย พ.ร.บ. และการบังคับใช้กฎหมายเพื่อความปลอดภัยของประชาชน” นำเสนอแนวทางการขับเคลื่อนภารกิจภายใต้กฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พร้อมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของประกันภัยภาคบังคับ (พ.ร.บ.) ในการสร้างความมั่นคงทางชีวิตและลดความสูญเสียจากอุบัติเหตุทางถนน และในส่วนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้รับเกียรติจาก พลตำรวจตรี เอกราช ลิ้มสังกาศ รองจเรตำรวจ และ พันตำรวจโท นพดล ชัยมงคล รองผู้กำกับการ กลุ่มงานบริหารจัดการระบบฐานข้อมูล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ บรรยายในหัวข้อ “Mission Possible : เชื่อม CMIS สู่ CRIMES ONLINE พลิกโฉมการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ” พร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้และประสบการณ์เกี่ยวกับการพัฒนาและเชื่อมโยงฐานข้อมูลระหว่างสำนักงานตำรวจแห่งชาติและสำนักงาน คปภ. เพื่อให้การตรวจสอบข้อมูลการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับเป็นไปอย่างถูกต้อง รวดเร็ว และโปร่งใส รวมถึงเป็นการยกระดับประสิทธิภาพการบังคับใช้กฎหมายและสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน

นางมยุรินทร์ สุทธิรัตนพันธ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำนักงาน คปภ. ได้กำหนดแนวทางความร่วมมือกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการดำเนินโครงการรณรงค์ประชาสัมพันธ์การจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับตั้งแต่ตุลาคมถึงธันวาคม โดยแบ่งเป็น 3 ระยะสำคัญ ครอบคลุมการให้ความรู้ ตักเตือน และกวดขันควบคู่กับการสร้างวินัยจราจร เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนทั่วประเทศจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับอย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นอีกก้าวสำคัญในการขับเคลื่อนระบบคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถให้เข้มแข็งและยั่งยืน โดยทั้ง 2 หน่วยงานจะร่วมติดตามและประเมินผลการดำเนินงาน รวมถึงพิจารณาจัดทำตัวชี้วัดผลการปฏิบัติงานและมอบรางวัลเชิดชูเกียรติ แก่หน่วยงานในพื้นที่ที่สามารถดำเนินการได้บรรลุตามเป้าหมาย เพื่อเป็นแรงจูงใจในการขับเคลื่อนภารกิจร่วมกันให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม

การจัดอบรมครั้งนี้ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเสริมสร้างความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ระหว่างสำนักงาน คปภ. และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการบูรณาการข้อมูล พัฒนาศักยภาพบุคลากร และสร้างระบบคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถที่เข้มแข็งและยั่งยืน ตลอดจนเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมความปลอดภัยบนท้องถนน และส่งเสริมให้ประชาชนตระหนักถึงความสำคัญของการทำประกันภัย พ.ร.บ. ในฐานะกลไกสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางชีวิตและสังคม

ก็คงเป็นเกมท้าทายสำหรับการเอาจริงเอาจังกับการขับเคลื่อนของ คปภ. เที่ยวนี้ ในการเป็นหัวหมู่ทะลวงฟันรับหน้าที่ MOU ผูกการแก้ที่ต้นน้ำ กรมขนส่งทางบกที่ทำหน้าที่บังคับและรับรถทุกคันจดทะเบียน กับการแก้ปลายน้ำร่วมกับ สตช. กับการบริหารจัดการข้อมูล CMIS ของสำนักงาน คปภ. กับระบบ CRIMES ONLINE ของ สตช. หรือแม้กระทั่งการว่าจ้างหน่วยงาน ทีดีอาร์ไอ มาทำการศึกษาเพื่อมาใช้เป็นโมเดลต้นแบบใช้กับจังหวัดอื่นในการบังคับใช้ พ.ร.บ. ขับเคลื่อนรณรงค์ความปลอดภัยบนท้องถนน โดยเริ่มต้นขณะนี้ได้วางตัวจังหวัดนำร่องต้นแบบคือ จังหวัดปราจีนบุรี

#เชื่อมCMISCRIMESONLINE #รถหนีพรบ#คปภ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #สตช #MOU #ประกันภัยพรบ #พ.ร.บ. #ประกันภัยรถภาคบังคับ #คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ #ความปลอดภัยทางถนน #อุบัติเหตุ #แก้ปัญหารถนอกระบบ #บูรณาการข้อมูล

ข่าวแนะนำ