“อนุทิน”เดือด! โต้สื่อนอกปูดข่าว “ไทยเป็นฐานสแกมเมอร์” ย้ำดูข้อเท็จจริงก่อนเชื่อ สั่ง “กสทช.” ตรวจเข้มสัญญาณเน็ตชายแดน
เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2568 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีสื่อต่างประเทศนำเสนอข่าวศูนย์สแกมเมอร์ ยังตั้งอยู่บริเวณตามแนวชายแดนไทย เนื่องจากยังมีการส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ตและกระแสไฟฟ้าจากฝั่งประเทศไทย ว่า ข่าวที่ออกมามีแต่คนนั้นบอก คนนี้บอก แต่อยากให้ไปดูพื้นที่จริง โดยเฉพาะเรื่องสแกมเมอร์ อยากให้ฟังคำให้สัมภาษณ์ของพล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ รองจเรตำรวจแห่งชาติ (รอง จตช.) ในฐานะโฆษกศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) พูดชัดเจนว่าฝ่ายตำรวจเรามีความพยายามมากขนาดไหน และสิ่งที่ทำในรัฐบาลนี้ ไม่มีตรงไหนที่เราจะลดราวาศอกกับเรื่องพวกนี้ ซึ่งในที่ประชุมของคณะกรรมการปราบปรามสแกมเมอร์ เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา ทางเลขาธิการ กสทช. ยืนยันในที่ประชุมว่า เรื่องการปิดช่องทางส่งสัญญาณอินเทอร์เน็ต ได้ทำหมดแล้ว แต่หากมาจากแหล่งอื่นหรือมาทางอ้อม เช่นขายไปอีกประเทศหนึ่ง และไปใช้สัญญาณจากประเทศนั้น เราก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องขอความร่วมมือไป โดยตนบอกไปว่า หากสืบทราบว่ามีการใช้แบบทางอ้อม เราก็ต้องไปไล่ปิดทางอ้อม
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ข่าวทั้งหมด เราต้องมานั่งกรองว่าเรื่องไหนจริง เรื่องไหนเท็จ เพราะขณะนี้ส่วนใหญ่ข่าวเท็จเยอะกว่าข่าวจริง การพูดอะไรไปอาจจะพูดจากข้อมูลที่เขาได้มา แต่ข้อเท็จจริง ข้อมูลเหล่านี้สู้คนที่ทำงานจริงไม่ได้หรอก
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่สื่อต่างประเทศ นำเสนอข่าวว่ากลุ่มสแกมเมอร์ใช้ประเทศไทยเป็นฐานหลอกคนข้ามไปทำงานอีกฝั่ง จะส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า หากสื่อต่างประเทศลงข่าว ก็ต้องดูว่าเป็นสื่อจริงหรือสื่อหลักหรือไม่ เพราะสื่ออะไรไม่รู้ก็มี หากวันๆ อ่านแบบนี้ทั้งหมด ก็ไม่ต้องทำอะไรแล้ว เราต้องยึดสิ่งที่เกิดขึ้นจริง และตนก็ได้รับรายงานจากทางตำรวจว่า บางคนถูกหลอกมาและถูกต้มตุ๋น ถูกบังคับขู่เข็ญออกไปทางด้านชายแดน เช่นทาง อ.แม่สอด ก็มี ซึ่งในภาพถ่ายวิดีโอทั้งหลาย ก็เห็นชัดเจนว่าไม่มีการลักลอบออกไป และไม่มีการใช้กำลังข่มขู่ หรือทำอะไรที่ผิดกฎหมาย เพราะฉะนั้น เราต้องใช้วิธีตามกฎหมายอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า เรื่องนี้ทำให้มีความตื่นตัวกันเยอะ ตำรวจก็ให้ความสนใจมาก แสวงหาความร่วมมือเยอะ








