วันที่ 23 ต.ค.68 ผศ.ดร.นพดล กรรณิกา ผู้ก่อตั้งซูเปอร์โพล สถาบันวิจัยความสุขชุมชนและความเป็นผู้นำ ศิษย์เก่า Georgetown University ด้าน Cybersecurity & Policy และศิษย์เก่า University of Michigan-Ann Arbor ด้าน Data Science and Methodology ออกบทความเรื่อง “ร้ายยิ่งกว่า สแกมเมอร์ คือ...” โดยระบุว่า...
Scammer เป็นเพียงปลายทาง...
สังคมไทยเผชิญกับภัยจาก scammer มาหลายระลอก จนดูเหมือนเป็นเรื่องปกติของยุคดิจิทัล แต่จากการวิเคราะห์ข้อมูลภาคสนาม การวิจัยเชิงลึก และการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านความมั่นคง ผมยืนยันได้ว่า ปัญหาที่แท้จริง ใหญ่กว่าสแกมเมอร์มากนัก
จากการพิจารณาข้อมูลสถิติก่อนที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ มาเป็นหัวหน้าศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในยุคของ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มูลค่าความเสียหายของพี่น้องประชาชนคนไทยที่ขบวนการมิจฉาชีพสแกมเมอร์มีรายได้ต่อวันคือ ประมาณ 180 ล้าน ถึง 200 ล้านบาท นี่คือรายได้ต่อวันของขบวนการสแกมเมอร์ มันคือ “องค์กร” (Organizations) ไม่ใช่แค่รวมกลุ่มปฏิบัติการเฉพาะกิจ
แต่เมื่อมีการปฏิบัติการจริงจังต่อเนื่องของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในยุค พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ นั่งประชุมหัวโต๊ะของ สตช. ทุกเช้า มีโครงการวัคซีน Cyber Village ลงถึงทุกชุมชนทั่วประเทศ และล่าสุดในยุคที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติได้มีการกระชับความร่วมมือกับองค์กรภาคียิ่งขึ้น เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารพาณิชย์ กระทรวง DE ป.ป.ง. กระทรวงมหาดไทย สือมวลชนและอื่น ๆ ทำให้ตัวเลขความเสียหายของพี่น้องประชาชนมีมูลค่าลดลงเหลือประมาณ 60-80 ล้านบาทต่อวัน และด้วยการปฏิบัติการปิดไฟ ปิดเน็ต ให้ครบ “ทุกจุด” ย้ำว่าต้องทุกจุด จะทำให้กลุ่มสแกมเมอร์ทำงานยากขึ้น แต่กลุ่มสแกมเมอร์ยังมีศักยภาพสูง เพราะมันมีตัวร้ายที่ใหญ่กว่า สแกมเมอร์
มันคือ “โครงสร้างทุนเทาทั้งในประเทศและข้ามชาติ” ที่ซ่อนตัวอยู่หลังม่านดิจิทัลและแทรกซึมแฝงตัวไปทุกระดับชั้นของคนในสังคมใช้ประเทศไทยเป็น “ประตูทองคำ” ในการทำลายล้างทั้งระบบและชีวิตระดับรากหญ้าของพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ มีการฟอกเงินมหาศาลทั้งจากพม่า กัมพูชา ลาว และกลุ่มอาชญากรรมข้ามชาติอื่น ๆ เงินเหล่านี้ไม่ได้เพียงหมุนเวียนในตลาดมืด แต่กำลังไหลย้อนกลับมาครอบงำระบบเศรษฐกิจและสถาบันหลักของชาติ ที่ผลประโยชน์และเงินทะลุทะลวงไหลเข้าไปในทุกอะตอมของประเทศ
ไทย...จุดยุทธศาสตร์ฟอกเงินของภูมิภาค
ประเทศไทยไม่ได้เป็นเป้าหมายเพียงเพราะอยู่ใกล้พรมแดนพม่าและกัมพูชา แต่เพราะเรามีช่องโหว่เชิงระบบ ที่เอื้อต่อการพรางเส้นทางเงินผิดกฎหมาย ทั้งในเชิงกฎหมาย การกำกับดูแล และระบบดิจิทัลที่ยังไม่แข็งแรงพอ
ฟอกเงินยุคดิจิทัล...ซับซ้อนและลึกกว่าเดิม
ในฐานะที่ปรึกษาศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี ในยุคที่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ และในฐานะที่เป็นอาจารย์ด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ วิทยาลัยเทคโนโลยีสยาม ผมได้เห็นแนวโน้มที่ชัดเจนว่า แพลตฟอร์มดิจิทัลกำลังกลายเป็น “สมรภูมิใหม่” ของการฟอกเงินทุนเทาเช่น การใช้ระบบ สตรีมมิ่ง / การบริจาคออนไลน์เป็นท่อพรางเส้นทางเงิน
นอกจากนี้ ยังมีการสร้าง Marketplace ปลอมหมุนเงินเข้าออกด้วยยอดขายและรีฟันด์ การพนันออนไลน์ NFT (ปลอม) คลิกฟาร์ม เกม และระบบ P2P lending ถูกนำมาใช้เป็น “เครื่องซักฟอกเงินยุคใหม่” การเชื่อมกับระบบ crypto mixers ทำให้เงินสกปรก “หายตัว” ในไม่กี่นาที นี่คือโครงสร้างที่ไม่ต้องมีชายแดน ไม่ต้องมีหน้า ไม่ต้องมีบัญชีเดียว และยากกว่ามากในการตรวจสอบด้วยวิธีคิดแบบเดิม
ยิ่งไปกว่านั้น ทุนเทาทั้ง ไทยเทาและต่างชาติ ได้แปรสภาพทรัพย์สินสกปรกผ่านช่องทางพื้นฐานสามแบบในประเทศเราและที่น่ากลัวยิ่งคือแนวโน้มที่ช่องทางเหล่านี้กำลังขยับเข้าสู่พื้นที่ออนไลน์อย่างรวดเร็ว
สแกมเมอร์วันนี้ไม่ใช่แค่เรื่องแก๊งโทรหลอก แต่มันคือ “สงครามระดับประเทศ”
ที่ถ้าเราสู้แบบทุกวันนี้ = เราแพ้พังพินาศย่อยยับ ต่อจากนี้...ประเทศไทยต้องยกระดับการสู้กับแก๊งสแกมเมอร์ให้เท่าทันโลก โดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง Network Analytics และBlockchain Tracing เพื่อตรวจเส้นทางเงินที่ไหลซ่อนอยู่ใต้ดิน ทำงานเป็นทีมทุกหน่วยงานต้องเชื่อมข้อมูลกัน ทั้งธนาคาร หน่วยงานรัฐ ตลาดทุนไปจนถึงแพลตฟอร์มการจ่ายเงิน และปิดรูโหว่ระบบดิจิทัลด้วยมาตรการ KYC / AML ที่รัดกุมและต้องร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้านและกลุ่มประเทศมหาอำนาจที่ดีเพื่อหยุดเส้นทางฟอกเงินข้ามพรมแดน
วันหนึ่งข้างหน้าถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ แม้เราช้าเพียงแค่เสี้ยววินาทีเดียว ความเชื่อมั่นดิจิทัลของไทยอาจพังทั้งระบบ นี่คือเรื่องของ “อนาคตประเทศ” ไม่ใช่แค่เรื่องมิจฉาชีพ ถึงเวลาแล้วคนไทยทุกคน ลุกขึ้น “สู้ด้วยข้อมูล เทคโนโลยี และความร่วมมือ” เพื่อปกป้องประเทศจากขบวนการสแกมเมอร์ยุคใหม่ และที่ร้ายกว่าสแกมเมอร์ที่กำลังท้าทายกลุ่มผู้รักชาติแท้จริง เราจะไม่ชนะ ถ้ายังคิดว่านี่คือ “เรื่องของตำรวจไล่จับมิจฉาชีพ”
“นี่ไม่ใช่แค่ภัยความมั่นคงทางเศรษฐกิจ...แต่มันคือการแทรกซึมโครงสร้างประเทศและทำลายล้างประเทศไม่เหลือซาก มันกำลังปฏิบัติการอย่างเงียบ ๆ ไม่หยุดพักแต่ร้ายแรงคูณทวีมากกว่าที่ปรากฏให้เห็น”
ไทยจะไปต่อไม่ได้...ถ้าโลกดิจิทัลไม่ปลอดภัย
ประเทศไทยกำลังเดินเข้าสู่ยุคที่ เศรษฐกิจดิจิทัลแบบไม่มีทางเลือก มันเป็นตัวกำหนดชะตาของประเทศและชะตาชีวิตของประชาชนทุกคนมันกำลังเป็นยิ่งกว่าเส้นเลือดใหญ่ของประเทศ ที่ประชาชนทั้งประเทศ นักลงทุน และภาคธุรกิจล้วนพึ่งพาระบบดิจิทัลแทบ 100% “เมื่อความเชื่อมั่นดิจิทัลสั่นคลอน เศรษฐกิจทั้งระบบก็พลอยสั่นคลอนไปด้วย” ดังนั้น นี่คือ สงครามเงียบที่ต้องมีการ เป่าแตร ปลุกคนไทยทั้งประเทศลุกสู้ขึ้นพร้อมกัน
“สแกมเมอร์ (Scammer) คือแค่ เสียงเตือน...แต่ทุนเทาและอะไรบางอย่างที่ยังไม่ขอเก็บเป็นปริศนา...คือ....ระเบิดทำลายล้างประเทศและความมั่นคงความผาสุกของประชาชนให้สูญสิ้นไป”
ถ้าเรายังมองปัญหานี้เพียงแค่ในระดับปลายสายโทรศัพท์มือถือ ข่าวปลอมหรือเฟคนิวส์ หรือบอท บนแพลตฟอร์มออนไลน์ เราจะไม่มีวันเห็นขบวนการเบื้องหลังที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในระบบการเงิน ดิจิทัล และสถาบันหลักของประเทศประเทศไทยจะไม่สามารถ “ไปต่อ” ได้อย่างมั่นคงจะพบจุดจบที่ไม่มีใครคาดถึง หากโลกดิจิทัลยังไม่ปลอดภัยและความเชื่อมั่นศรัทธายังถูกบั่นทอน
ติดตามต่อได้ที่ www.superpoll.co.th โทร 02.082.2646








