กรมทรัพย์สินทางปัญญา สร้างแนวร่วม “ผู้นำยุคใหม่” ชูกลไก ‘IP 4 All’ ใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเพิ่มมูลค่าทางธุรกิจอย่างยั่งยืน
เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2568 นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ให้การต้อนรับอาจารย์ ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมด้วยคณะศึกษาดูงานจากโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรสุดยอดการบริหารธุรกิจด้วยกฎหมายสำหรับผู้นำองค์กร “Super Legal Business Administration” Leadership Program หรือ Super LBA รุ่นที่ 2 ในโอกาสเข้าพบหารือแลกเปลี่ยนมุมมอง เรื่องบทบาทของผู้นำยุคใหม่กับการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาขับเคลื่อนธุรกิจ พร้อมเยี่ยมชมส่วนงานบริการต่างๆ ณ กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา เปิดเผยว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญาให้ความสำคัญกับการบูรณาการความร่วมมือกับสถาบันการศึกษา มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนองค์ความรู้

ด้านทรัพย์สินทางปัญญา เพื่อสร้างเครือข่ายคนรุ่นใหม่ที่ตระหนักถึงความสำคัญของทรัพย์สินทางปัญญา และสามารถใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในการขับเคลื่อนธุรกิจให้ตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรม ทั้งนี้ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ถือเป็นหน่วยงานพันธมิตรสำคัญของกรม ที่มีบทบาทในการร่วมขับเคลื่อนภารกิจด้านทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มแข็ง โดยก่อนหน้านี้กรมและมหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ได้มีการจัดทำข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ร่วมกัน เพื่อบ่มเพาะองค์ความรู้ทรัพย์สินทางปัญญาให้กับบุคลากรและนักศึกษาของสถาบัน ผ่านกิจกรรมบรรยายพิเศษในเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา และการบรรจุเนื้อหาทรัพย์สินทางปัญญาไว้ในหลักสูตรการเรียนการสอน เป็นต้น

ครั้งนี้ กรมมีความยินดีที่ได้ต้อนรับอาจารย์ ดร. สุทธิพล ทวีชัยการ คณบดีคณะนิติศาสตร์ปรีดี พนมยงค์ มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ พร้อมด้วยคณะศึกษาดูงานจากโครงการศึกษาอบรมหลักสูตรสุดยอดการบริหารธุรกิจด้วยกฎหมายสำหรับผู้นำองค์กร “Super Legal Business Administration” Leadership Program หรือ Super LBA รุ่นที่ 2 ซึ่งเป็นผู้นำองค์กรและผู้บริหารระดับสูงจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยอธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญาได้ร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับบทบาทของผู้นำยุคใหม่
กับการใช้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นเกราะป้องกันในการดำเนินธุรกิจทั้งในและต่างประเทศ และเป็นกลไกสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ พร้อมย้ำถึงความสำคัญของการบริหารจัดการสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะช่วยติดอาวุธและเสริมสร้างศักยภาพทางการแข่งขัน สร้างโอกาสให้ภาคธุรกิจไทยสามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ
อธิบดีกรมทรัพย์สินทางปัญญา ได้เน้นย้ำถึงนโยบายและภารกิจหลักของกรมที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระบบทรัพย์สินทางปัญญาของประเทศในทุกมิติ ภายใต้โรดแมป “IP 4 All” ซึ่งมุ่งเน้นให้ทรัพย์สินทางปัญญาเป็นกลไกสำคัญในการเสริมแกร่งผู้ประกอบการ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการในทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนท้องถิ่น ภาคธุรกิจ ภาคการวิจัยและนวัตกรรม รวมถึงประชาชนทั่วไป เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จากทรัพย์สินทางปัญญาได้อย่างเต็มศักยภาพ และต่อยอดสู่ความยั่งยืนในระยะยาว อันเป็นเป้าหมาย Quick Big Win ที่กระทรวงพาณิชย์ให้ความสำคัญ
โดยกรมพร้อมขับเคลื่อนการทำงานเชิงรุกเพื่ออำนวยความสะดวกด้านทรัพย์สินทางปัญญาแก่ภาคส่วนต่างๆ ผ่านงานบริการทั้งในด้านส่งเสริมการสร้างสรรค์ (Creation) โดยเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญาในหลักสูตรอบรม บรรยาย และสัมมนา พร้อมให้คำปรึกษาด้านทรัพย์สินทางปัญญาเชิงลึกผ่านบริการของศูนย์ IP One ด้านการคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญา (Protection) โดยนำเทคโนโลยีมาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพงานบริการและพัฒนาระบบจดทะเบียนให้มีความสะดวก รวดเร็ว และเข้าถึงง่าย การมีช่องทางพิเศษสำหรับจดทะเบียน Fast Track เพื่อรับความคุ้มครองทรัพย์สินทางปัญญาเร็วยิ่งขึ้น
พร้อมเร่งผลักดันการปรับปรุงกฎหมายทรัพย์สินทางปัญญาให้ทันสมัยตอบโจทย์การค้าในยุคดิจิทัล ด้านการส่งเสริมการใช้ประโยชน์ทรัพย์สินทางปัญญาในเชิงพาณิชย์ (Commercialization) โดยผลักดันการนำทรัพย์สินทางปัญญาไปสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการอย่างเป็นรูปธรรม ผ่านการใช้ประโยชน์ฐานข้อมูลทรัพย์สินทางปัญญา การจัดกิจกรรมส่งเสริมช่องทางการตลาด การจับคู่ธุรกิจ รวมทั้งการประเมินมูลค่าทรัพย์สินทางปัญญา และด้านการปกป้องสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาทั้งในและต่างประเทศ (Enforcement) โดยการบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อป้องกันและปราบปรามการละเมิดทรัพย์สินทางปัญญาอย่างเข้มงวด รวมถึงการรณรงค์สร้างความตระหนักรู้ด้านการเคารพสิทธิในทรัพย์สินทางปัญญาอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ กรมเชื่อมั่นว่า ผู้นำยุคใหม่ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องทรัพย์สินทางปัญญา จะเป็นแนวร่วมสำคัญในการพัฒนาประเทศและขับเคลื่อนระบบทรัพย์สินทางปัญญาไทยให้เข้มแข็ง ทำให้ทรัพย์สินทางปัญญาของคนไทยได้รับความคุ้มครอง และสามารถนำไปพัฒนาต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุด สร้างประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ และสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจให้กับประเทศได้อย่างยั่งยืน นางอรมน กล่าวทิ้งท้าย