ในเขาวงกตอันมืดมิดของอาชญากรรมข้ามพรมแดน ชื่อของ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" และ "แก๊งสแกมเมอร์" คือคู่แฝดปีศาจที่ทำลายชีวิตผู้คนมาแล้วนับไม่ถ้วน แม้คนทั่วไปจะมองว่าพวกเขาคือกลุ่มมิจฉาชีพเดียวกัน แต่ในโลกใต้ดินของขบวนการเหล่านี้ พวกมันมีกลยุทธ์และวิธีการลงมือที่แตกต่างกันอย่างเลือดเย็น โดยมีเป้าหมายร่วมกันคือการปล้นทรัพย์สินทางดิจิทัลจากเหยื่อผู้บริสุทธิ์ทั่วทุกมุมโลก
"สยามรัฐอนนไลน์" จะพาคุณดำดิ่งสู่แผนผังองค์กรที่ซับซ้อนนี้ เพื่อเปิดโปงความแตกต่างอย่างถึงแก่นของทั้งสองขบวนการ วิธีการ ขบวนการ พฤติการณ์ รวมถึงแหล่งกบดานของกลุ่มอาชญากรจีนเทาที่กำลังแผ่ขยายอิทธิพลอยู่ในขณะนี้
"แก๊งคอลเซ็นเตอร์" และ "สแกมเมอร์" คือขบวนการที่ใช้การหลอกลวงทางจิตวิทยา แต่ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ "อาวุธ" ที่พวกเขาใช้
เริ่มกันที่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์" ช่ำชองในการใช้ "โทรศัพท์" เป็นเครื่องมือหลัก เน้นการสร้างสถานการณ์ ความหวาดกลัว และความเร่งด่วน ด้วยการแอบอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง เช่น ตำรวจ DSI หรือ ปปง. โทรศัพท์เข้าหาเหยื่อพร้อมแจ้งว่ามีส่วนพัวพันกับคดีร้ายแรงหรือบัญชีถูกอายัด พฤติการณ์จะเน้นการกดดันให้เหยื่อหวาดผวาจนยอมทำตามคำสั่ง เช่น การโอนเงินไป "ตรวจสอบ" หรือการดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอันตรายเพื่อควบคุมโทรศัพท์ดูดเงินในบัญชี นี่คือการหลอกลวงที่ทำให้เหยื่อสูญเงินภายในไม่กี่นาที
ขณะที่ "แก๊งสแกมเมอร์" นั้นใช้กลยุทธ์ที่กว้างขวางและซับซ้อนกว่ามาก พวกเขาใช้ช่องทาง ออนไลน์ ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดีย, อีเมล, แอปหาคู่ หรือเว็บไซต์ปลอม เพื่อเน้นสร้าง ความโลภ ความหวัง หรือ ความผูกพันทางอารมณ์ ตัวอย่างกลโกงที่โด่งดังคือ "Romance Scam" ที่ปลอมตัวเป็นคนรักออนไลน์ก่อนหลอกให้โอนเงิน หรือ Investment Scam (Hybrid Scam) ที่สร้างแพลตฟอร์มปลอม ชักชวนให้ลงทุนสกุลเงินดิจิทัลที่ให้ผลตอบแทนสูงเกินจริง
ทั้งหมดนี้คือการหลอกลวงที่ต้องใช้เวลาสร้างความเชื่อใจและทำให้เหยื่อหลงกลอย่างช้า ๆ แม้แก๊งคอลเซ็นเตอร์จะถูกจัดเป็นสแกมเมอร์ประเภทหนึ่ง (Voice Scam) แต่โดยทั่วไป สแกมเมอร์ จะหมายถึงกลุ่มที่ใช้ช่องทางดิจิทัลเพื่อฉ้อโกงอย่างหลากหลายมิติ
เบื้องหลังการทำงาน คือ องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติที่ถูกบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ นำโดยกลุ่มทุนชาว จีนเทา และร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลในท้องถิ่นเพื่อสร้าง อาณาจักรสีเทา ขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฐานที่มั่นหลัก คือ กัมพูชา โดยเฉพาะในเมือง สีหนุวิลล์ และ ปอยเปต ซึ่งมักซ่อนตัวอยู่ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ หรือพื้นที่กาสิโน มีคดีการทลายฐานและช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปบังคับทำงานเป็น "เหยื่อแรงงาน" ให้โทรศัพท์หลอกคนชาติเดียวกันเกิดขึ้นนับครั้งไม่ถ้วน แม้ทางการกัมพูชาจะมีความล่าช้าในการให้ความร่วมมือ แต่ข้อมูลจากหลายประเทศก็ตอกย้ำถึงการเป็นศูนย์กลางอาชญากรรม
ในปัจจุบันฐานปฏิบัติการเหล่านี้ได้ขยายตัวอย่างน่ากลัวไปยัง "เมียนมา" โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนติดกับประเทศไทย เช่น "ชเวโก๊กโก่" และ "เมืองเมียวดี" ซึ่งเป็นเขตอิทธิพลของกลุ่มชาติพันธุ์บางกลุ่มที่ประสบปัญหาความขัดแย้งภายในประเทศ ทำให้จำเป็นต้องพึ่งพารายได้จากธุรกิจผิดกฎหมายเหล่านี้
ข้อมูลล่าสุดยังเผยว่า มีการใช้เทคโนโลยีชั้นสูงอย่าง Starlink (อินเทอร์เน็ตดาวเทียม) เพื่อสร้างเครือข่ายที่ซับซ้อนและหลีกเลี่ยงการถูกติดตาม ส่วนประเทศไทยก็เป็นอีกเป้าหมายสำคัญ โดยมีรายงานจากสื่อเกาหลีใต้ว่าแก๊งสแกมเมอร์บางส่วนกำลังย้ายฐานหนีการกวาดล้างจากกัมพูชา เข้ามาซุกซ่อนตัวตามจังหวัดชายแดนหรือเมืองท่องเที่ยว ซึ่งเป็นเรื่องที่ทางการไทยต้องเร่งปราบปรามอย่างหนัก
นี่คือวงจรอาชญากรรมที่ดูดเงินไปจากกระเป๋าของเหยื่อทั่วโลกถึงกว่า 3.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ข้อมูล UN) โดยการหลอกลวงไม่มีพรมแดน ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการรู้เท่าทันกลโกงที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จงจำไว้ว่า "สติ" คืออาวุธที่ดีที่สุด ห้ามให้ข้อมูลส่วนตัว ห้ามกดลิงก์แปลกปลอม และเมื่อสงสัย ให้ วางสาย แล้ว ตรวจสอบ กับหน่วยงานที่ถูกอ้างชื่อโดยตรง หากพลั้งพลาดไปแล้ว ต้องรีบติดต่อธนาคารเพื่ออายัดบัญชี และแจ้งตำรวจไซเบอร์ สายด่วน 1441 ทันที เพื่อหยุดยั้งขบวนการนรกเหล่านี้ไม่ให้ทำร้ายใครได้อีกต่อไป
#แก๊งคอลเซ็นเตอร์ #คอลเซ็นเตอร์ #แก๊งสแกมเมอร์ #สแกมเมอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #จีนเทา #ภัยไซเบอร์ #โกงออนไลน์ #คดีฉ้อโกง #กัมพูชา #เมียนมา #จีน #ปราบมิจฉาชีพ #มิจฉาชีพ #สแกมเมอร์คืออะไร








