สถาพร ศรีสัจจัง
ทั้งเพื่อให้ร่วมสมัยและเพื่อความรวดเร็วจึงลอง “คลิก” เข้าไปถามเจ้า “AI” (แบบการทำการบ้านของเด็กอนุบาลสมัยใหม่ยุคนี้ที่ส่วนใหญ่ให้ AI ทำแทน) ได้คำตอบ เป็น “นิยาม” คำว่า “รัฐชาติสมัยใหม่” อย่างน่าพอใจในระดับหนึ่ง ดังนี้
“ “รัฐชาติสมัยใหม่” (Modern Nation State) คือรัฐที่มีองค์ประกอบของ รัฐ (เช่น ดินแดน, ประชากร, รัฐบาลที่มีอำนาจ) และ ชาติ (ประชาชนที่มีอัตลักษณ์ ความรู้สึกว่าเป็นพวกเดียวกัน) สอดคล้องกันอย่างลงตัว รัฐชาติสมัยใหม่จะมีความสามารถในการปกครองและควบคุมสังคม เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม ได้อย่างเต็มที่ ภายใต้ขอบเขตอำนาจอธิปไตยของตนเอง และมักจะแสวงหาเอกราชและความเป็นอิสระทางการเมืองจากรัฐอื่น ”
ที่ว่า “น่าพอใจในระดับหนึ่ง” ก็เพราะเจ้าเอไอ.ที่ว่าฉลาดนักฉลาดหนานั่นนะ อธิบายคำนี้แบบไม่มีรายละเอียด เช่นมีแต่คำว่ามี “ดินแดน” ไม่ใช่ “มีเขตแดนที่แน่นอน” (หมายถึงมีเส้นแบ่งเขตแดนกับรัฐอื่น(ที่มีเขตแดนติดต่อกัน)ที่ชัดเจน
ที่ติงเจ้าเอไอ.ก็เพราะ เรื่องนี้มีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง สำคัญถึงขนาดอาจก่อให้เกิดความขัดแย้งที่รุนแรง หรือ “สงคราม” ระหว่าง “รัฐชาติสมัยใหม่” ได้!
เรื่องนี้เห็นจะไม่จำเป็นต้องยกตัวอย่างที่ไหน เอาที่ “Thailand” (ประเทศไทย) นี่แหละ เพราะมีปัญหาเรื่องนี้มาโดยตลอด โดยเฉพาะกับรัฐชาติสมัยใหม่ที่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดมาอย่างยาวนานในประวัติศาสตร์ อย่าง “กัมปูเจีย” หรือ “เขมร” และตอนนี้ก็ดูเหมือนความขัดแย้งดังกล่าวก็ยังไม่จบสิ้น!
ฟังเจ้าเอไอ.นิยามแบบหยาบ ๆ ให้แล้ว ลองมาฟังทัศนะของนักวิชาการที่มี “ตัวตน” จริง ๆ ประกอบอีกสักหน่อยก็แล้วกัน
เริ่มด้วยนิยามเกี่ยวกับคำ “รัฐชาติ” (ก็สมัยใหม่นั่นแหละไม่ใช่ ‘รัฐจารีต’) ที่ชอบใช้สอนกันในมหาวิทยาลัยหลายแห่งกันก่อน เขานิยามไว้อย่างนี้
“…รัฐชาติ คือ รัฐประเภทหนึ่งที่เชื่อมโยงอัตลักษณ์ทางการเมืองของรัฐ เข้ากับอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของประเทศชาติ ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อสร้างความชอบธรรมทางการเมืองในการปกครอง และอาจรวมถึงสถานะในฐานะรัฐอธิปไตยด้วย…”
ในบทความชิ้นหนึ่งของ รศ.ดร.โกวิท วงศ์สุรวัฒน์ อาจารย์อาวุโสแห่งคณะรัฐศาสตร์และรัฐประศาสนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ท่านสรุปถึงเรื่องนี้เกี่ยวกับ ‘รัฐไทย’ ไว้ว่า
“…รัฐไทยในปัจจุบันนับเป็นรัฐสมัยใหม่ (Territorial State) เพราะเป็นรัฐที่มีการปักปันพรมแดนอย่างชัดเจนตามแบบแผนสมัยใหม่ และมีอำนาจอธิปไตยของรัฐที่แผ่กระจายไปทั่วทุกตารางนิ้วภายในเขตพรมแดนนั้น…”
ในขณะที่ศาสตราจารย์ ดร.ไชยันต์ ไชยพร แห่งคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ให้ความเห็นว่า รัฐไทยเริ่มเข้าสู่ความเป็นรัฐชาติสมัยใหม่ตั้งแต่รัชกาลที่ 5 แล้ว ในบทความเรื่อง “การทำแผนที่ประเทศกับการร่างพระราชกฤษฎีกาที่ 1 ว่าด้วยพระราชประเพณีกรุงสยาม “ที่เขาโพสต์ลงในบางแพลตฟอร์มตอนหนึ่ง มีความว่า
“…มีมาตราหนึ่ง ที่เป็นการยืนยันอาณาเขตดินแดนของพระเจ้ากรุงสยามในสมัยรัชกาลที่ 5 ระบุถึงความจำเป็นที่ต้องการสำรวจพื้นที่และพรมแดนเพื่อจัดทำแผนที่ขึ้นตามแบบตะวันตก อาจตีความได้ว่า เป็นการทำให้สยามกลายเป็น “รัฐสมัยใหม่” ที่เท่าเทียมกับความเปลี่ยนแปลงของโลกตะวันตกในยุคนั้น…”
สรุปก็คือ คำ “รัฐชาติสมัยใหม่” กรณีสังคมไทย มีพัฒนาการมายาวนานพอควร อย่างน้อยก็ตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 3 ต่อเนื่องมาจนถึงรัชกาลที่ 5 จึงมี “ปรากฏการณ์รูปธรรม” ในเรื่องดังกล่าวให้เห็นมากขึ้น
ต่อเนื่องเรื่อยมาจนถึงรัชกาลที่ 6 และ 7 กระทั่งเกิดการ “อภิวัฒน์” ครั้งใหญ่ขึ้นในสังคม “สยาม” เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2475 คือมีการเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากระบบ “สมบูรณาญาสิทธิราชย์” (Absolute monarchy) เป็นระบบ (ที่เรียกกันว่า) “ประชาธิปไตย” (Democracy) อย่างที่รู้ ๆ กัน รูปแบบของความเป็น “รัฐชาติสมัยใหม่” ของ “สยาม” ก็ค่อย ๆ แจ่มชัดยิ่งขึ้น
พูดถึง “ชื่อประเทศ” หรือ “ชื่อรัฐ” แห่งนี้ ก็มีเรื่อง ที่อยากจะพูดถึงเพื่อ “ประกอบความรู้” ให้คนเจน Z ที่ฟังว่าไม่สนใจเรื่อง “ความเป็นมาเรื่อง ‘ราก’ ทางสังคม” หมั่นไส้เล่น ๆ สักหน่อยก็แล้วกัน
คงไม่ถือว่านอกเรื่องเกินไปกระมัง เพราะที่จริงแล้ว “ชื่อนั้นสำคัญไฉน” จริง ๆ นะ ฟังไว้หน่อยเถอะ ไม่เสียหายอะไรหรอก!
ก็คงรู้ ๆ กันละนะว่า คนในพื้นที่อื่น ๆ ทั้งใกล้และไกล เรียกเราว่า “สยาม” (Siam) มาแล้วเป็นเวลายาวนานไม่น้อย อย่างน้อยก็ตั้งแต่ต้นยุครัตนโกสินทร์ ไม่ว่าชื่อนี้นามนี้ จะเป็นชื่อเรียกชนกลุ่มน้อยหรือกลุ่มใหญ่ หรือชาติพันธุ์ไหนที่อยู่ในแผนที่ประเทศไทยยุคปัจจุบันก็ตามเถอะ!
แต่อย่างน้อยก็เรียกกันอย่างยาวนานมาก่อน แม้เกิดเป็น “รัฐชาติสมัยใหม่” แล้ว บ้านอื่นเมืองอื่นก็ยังเรียกเราว่า “สยาม” กันอยู่เลย…
คำว่า “ประเทศไทย” หรือ “Thailand” นั้น เพิ่งเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการก็เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2482 หรือ เมื่อ 86 ปีที่แล้วนี่เอง (นับถึงปีปัจจุบันคือ พ.ศ. 2568) ถือว่าใหม่มาก อายุน้อยกว่าสิ่งที่หลายใครเรียกว่า “ระบบประชาธิปไตยไทย” เสียอีก!!