วันที่ 22 ต.ค.68 ที่ศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ ต.ลาดกระทิง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เดินทางลงมาในพื้นที่ เพื่อติดตามความก้าวหน้าโครงการก่อสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติ (Automotive and Tyre Testing, Research and Innovation Center - ATTRIC) หลังได้รับการอนุมัติเงินงบประมาณในการก่อสร้างลงมาเมื่อปี 2559 จำนวนกว่า 3,700 ล้านบาท และพร้อมเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบในปี 2570

โดยระบุว่า ปัจจุบันประเทศไทยเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ และอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก ปัจจุบันเป็นอันดับ 1 ของภูมิภาคอาเซียน และมีการส่งออกยางล้อรถยนต์เป็นอันดับ 2 ของโลก ศูนย์ ATTRIC จึงเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ ในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นเป้าหมายของการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย “ฝ่า ฟัน ดึง ดัน” ของกระทรวงอุตสาหกรรม ที่มุ่งยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขัน และดึงดูดเม็ดเงินการลงทุนจากผู้ผลิตยานยนต์ ชิ้นส่วน และยางล้อ และเป็นสถานที่รองรับการทดสอบ และวิจัยด้านยานยนต์ไฟฟ้า

เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางยานยนต์ไฟฟ้าและยางล้อระดับโลก โดยคาดการณ์ว่า จะสามารถสร้างรายได้ให้แก่ประเทศปีละกว่า 1,000 ล้านบาท นอกจากนี้ยังจะกระจายเม็ดเงินในพื้นที่โดยรอบไม่ต่ำกว่า 148 ล้านบาทต่อปี สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว นายธนกร กล่าว

ด้านนายณัฐพล รังสิตพล ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวว่า ATTRIC มีความคืบหน้าในการก่อสร้างไปแล้วถึงกว่าร้อยละ 80 ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 2,683 ล้านบาท ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมได้วางแนวทางในการดำเนินงาน โดยต้องการผลักดันให้ ATTRIC เป็นโครงสร้างพื้นฐานทางปัญญา (Knowledge Infrastructure) เพื่อสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ให้เป็นศูนย์กลางแห่งการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ของภูมิภาคอาเซียน ดังนั้นจึงทำหน้าที่เป็นศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดความรู้ด้านการทดสอบ เพื่อสร้างบุคลากรทักษะสูง รองรับอุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคตที่สำคัญ คือ การลดเวลาและค่าใช้จ่ายในการส่งผลิตภัณฑ์ไปทดสอบในต่างประเทศ ของผู้ประกอบการในไทยเอง รวมทั้งยังสนับสนุนผู้ประกอบการไทยให้เข้าถึงเครื่องมือทดสอบที่มีคุณภาพสูงตามมาตรฐานสากล ส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้สามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูง และตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างดีที่สุด
นายเอกนิติ รมยานนท์ เลขาธิการสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) กล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้การก่อสร้างได้ก่อสร้างสนามทดสอบแล้วเสร็จ ไปแล้วจำนวน 5 สนาม ได้แก่ 1.สนามทดสอบยางล้อตามมาตรฐาน UN R117 และ 2.สนามทดสอบระบบเบรกมือ 3.สนามทดสอบการยึดเกาะถนนขณะเข้าโค้ง 4.สนามทดสอบระบบเบรก 5.สนามทดสอบพลวัต ซึ่งยังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอีก 1 สนาม คือ สนามทดสอบความเร็วและสมรรถนะ
โดยคาดว่าพร้อมจะเปิดให้บริการอย่างเต็มรูปแบบครบวงจรได้ในปี 2570 ในการกำหนดมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการทดสอบยางล้อยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ เพื่อรองรับการดำเนินงานของศูนย์ทดสอบฯ ซึ่งทาง สมอ. ได้กำหนดมาตรฐานแล้วจำนวน 19 มาตรฐาน เช่น เสียงจากยางล้อที่สัมผัสผิวถนน การยึดเกาะถนนบนพื้นเปียก และความต้านทานการหมุน มลพิษทางเสียงของจักรยานยนต์ จุดยึดเข็มขัดนิรภัยฯ เข็มขัดนิรภัย แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า สถานีชาร์จรถไฟฟ้า กระจกนิรภัย การป้องกันผู้โดยสารเมื่อเกิดการชนจากด้านหน้าของยานยนต์ ปัจจุบันศูนย์ทดสอบฯ เริ่มให้บริการทดสอบแก่ผู้ประกอบการแล้ว ตั้งแต่เมื่อปี 2562 โดยมีมูลค่าการทดสอบรวมกว่า 189 ล้านบาท และขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาแนวทางการบริหารงานศูนย์ทดสอบยานยนต์และยางล้อแห่งชาติที่เหมาะสม เพื่อให้การบริหารงานมีความคล่องตัว และรองรับการให้บริการผู้ประกอบการในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
#ภูมิภาค-18