กลายเป็นบิ๊กเซอร์ไพรส์ ที่ “ช็อก” ความรู้สึกลูกพรรคเพื่อไทยกันถ้วนหน้า เมื่อ “ทายาทการเมือง” จาก “ตระกูลชินวัตร” ประกาศลาออกจาก “หัวหน้าพรรค”
เพราะต้องยอมรับว่า สส.และสมาชิกพรรค จำนวนไม่น้อย ยังอยู่ในอาการตั้งตัวไม่ติด แถมยังทำใจไม่ได้ เมื่อ “แพทองธาร ชินวัตร” ตัดสินใจลาออกจาก หัวหน้าพรรคเพื่อไทย
ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยเพิ่งจัดบิ๊กอีเว้นท์ เปิดเวทีให้ “หัวหน้าอิ๊งค์” ได้โชว์วิสัยทัศน์ ปลุกใจสมาชิกพรรค ประกาศ “ยกเครื่องเพื่อไทย” เตรียมตัวลงสนามเลือกตั้ง
เมื่อ “แม่ทัพใหญ่” ประกาศ “สู้ต่อ” จึงทำให้สมาชิกพรรคมีความหวัง ว่าเมื่อ “ชินวัตร” ยังสู้ พรรคเพื่อไทย ก็จะยังคงอยู่ต่อ เช่นกัน !
แต่เมื่อวันนี้ ชัดเจนว่า แพทองธาร เลือกลาออกจากตำแหน่ง แม้จะยังคงสถานะ “สมาชิกพรรค” เอาไว้ก็ตาม กลับไม่ได้ทำให้บรรยากาศภายในพรรคเป็นไปด้วยดีนัก ยิ่งเมื่อ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้ง ของพรรค ออกมาระบุแล้วว่า “หัวหน้าพรรคคนใหม่” คงไม่ได้มาจาก คนในครอบครัวชินวัตร อีกแล้ว
พร้อมกันนี้ สุริยะ ยังปฏิเสธ “ข่าวลือ” ว่าเบื้องหลังการลาออกจากหัวหน้าพรรคของแพทองธาร ครั้งนี้มาจาก การที่ถูก “บีบ” โดย “ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ” ว่าไม่เป็นความจริง
อย่างไรก็ดี ในระหว่างที่พรรคเพื่อไทยยังอยู่ในสภาพ “ไร้หัว” เนื่องจากต้องไปรอเลือก “หัวหน้าพรรคคนใหม่” กันในเดือนหน้า ดังนั้นระหว่างนี้ จะมี “ชูศักดิ์ ศิรินิล” รักษาการรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ให้ทำหน้าที่ “รักษาการหัวหน้าพรรค” ไปก่อน
ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ด้านหนึ่งมีขึ้นเพื่อ “ปกป้อง” ทั้งตัวแพทองธาร และพรรคเพื่อไทย ไม่ให้ต้องถูกร้องจนนำไปสู่การยื่นยุบพรรคตามมา เพราะอย่าลืมว่า “คำวินิจฉัย” ของศาลรัฐธรรมนูญ “คดีคลิปเสียงฮุน เซน” ไม่ได้จบลงเฉพาะวันที่ ศาลฯ มีคำสั่ง ให้แพทองธาร พ้นจากการเป็นนายกฯคนที่ 31 เท่านั้น
โดยประเด็นนี้ “สรวงศ์ เทียนทอง” ในฐานะเลขาฯพรรค ให้เหตุผลว่า การที่แพทองธาร ถูกคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ให้พ้นจากตำแหน่ง ด้วยกรณี “จริยธรรม” ดังนั้นเพื่อไม่ให้เรื่องนี้มาเป็น “เครื่องมือ” ทางการเมือง ขู่ สส.และ “ผู้สมัคร” ของพรรค ซึ่งหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นผู้ลงนามรับรองก่อนลงสมัครรับเลือกตั้ง ในปีหน้า จึงนำมาซึ่งการตัดสินใจ ลาออก เพื่อรักษาเอาไว้ทั้งตัวแพทองธารและพรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ดี ปฏิเสธไม่ได้ว่า การลาออกของแพทองธารแม้จะป้องกันไม่ให้ “ฝั่งตรงข้าม” นำเรื่องสถานการณ์เป็นหัวหน้าพรรคมา “ย้อนศร” เพื่อไทย
แต่เมื่อปรากฎการณ์ “หัวหน้าพรรค” ลาออก มาเกิดขึ้นในจังหวะที่ พรรคกำลังเจอกับปัญหา “เลือดไหลออก” แกนนำเพื่อไทย ทยอยทิ้งพรรคแล้วหาบ้านหลังใหม่ ก่อนเลือกตั้งอาจกลายเป็นการ “ซ้ำเติม” ให้พรรคต้องรับมือทั้งความไม่เชื่อมั่น ความหวั่นไหว ไปจนถึง ภาวะ “เลือดไหลออก” อีกล็อตใหญ่
เว้นแต่ว่า ก่อนวันลงสนามเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทย จะมี "ไพ่ลับ" ที่ทิ้งลงมาแล้วสร้างแรงสั่นสะเทือน ได้อีกครั้ง !