มองผ่านข้อมูล

การประชุม Retreat ของมหาวิทยาลัย

แชร์ข่าว

รศ.ดร.สุขุม เฉลยทรัพย์

ที่ปรึกษาอธิการบดีมหาวิทยาลัยสวนดุสิต

การประชุม Retreat ของสภามหาวิทยาลัย หมายถึง การประชุมพิเศษที่จัดขึ้นนอกสถานที่ หรือนอกเหนือจากการประชุมปกติ เพื่อให้คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลสูงสุดของมหาวิทยาลัย ได้ใช้เวลาอย่างเข้มข้นในการหารือประเด็นสำคัญเชิงกลยุทธ์ โดยทั่วไปแล้ว การประชุมสภามหาวิทยาลัยประจำ (Routine Meeting) มักเน้นวาระเชิงปฏิบัติ เช่น การอนุมัติแต่งตั้งบุคลากร หรือการรับรองรายงาน แต่การประชุม Retreat เน้น “การคิดเชิงนโยบาย” และ “การกำหนดทิศทางในระยะยาว” เพื่อสร้างเอกภาพทางความคิดระหว่างสภามหาวิทยาลัยกับฝ่ายบริหาร ถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการบริหารและการศึกษาให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

มหาวิทยาลัยสวนดุสิตจัดการประชุม Retreat เป็นประจำทุกปีเริ่มตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา โดยการประชุมล่าสุดปี 2567 ที่ผ่านมาได้จัดควบคู่กับการประชุมสภามหาวิทยาลัยแบบสัญจร และกิจกรรม “SDU Family New Year’s 2024” ระหว่างวันที่ 26–27 ธันวาคม 2567 ณ วิทยาเขตสุพรรณบุรี โดยมี ดร.ถนอม อินทรกำเนิด นายกสภามหาวิทยาลัย เป็นประธาน และมีผู้เข้าร่วมกว่า 153 คน ได้แก่ คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัย ผู้บริหาร ตัวแทนนักศึกษา ศูนย์การศึกษา และผู้แทนจากภาคชุมชน

การประชุม Retreat มีเป้าหมายเพื่อให้ทุกภาคส่วนร่วมกันกำหนดทิศทางและแนวทางการพัฒนามหาวิทยาลัย รวมถึงแสวงหาวิธีบริหารเชิงนโยบาย ตลอดจนสร้าง “อัตลักษณ์ทางวิชาการ” และ “วัฒนธรรมองค์กร” ให้ขับเคลื่อนไปในทิศทางเดียวกัน ภายใต้แนวคิด “The Power of SDU” ที่เน้นพลังร่วมของคนสวนดุสิตในการรับมือการเปลี่ยนแปลง จากการประชุมปี 2567 ได้ประเด็นข้อเสนอสำคัญสำหรับช่วงปี 2568–2571 ได้แก่ การยกระดับมาตรฐานการศึกษาสู่ความเป็นสากล การพัฒนางานวิจัยและนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชุมชนและเศรษฐกิจฐานราก การเสริมพลังนักศึกษาให้มีทักษะแห่งอนาคตและความเป็นผู้ประกอบการ การพัฒนาเมืองมหาวิทยาลัยให้ยั่งยืน และการสร้างระบบนิเวศแห่งการเรียนรู้แนวคิด “One World Library”

นอกจากการกำหนดทิศทางเชิงกลยุทธ์แล้ว การประชุม Retreat ยังทำหน้าที่เสมือน “เวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างรุ่น” ของบุคลากรทั้งระดับนโยบายและระดับปฏิบัติการ ช่วยหลอมรวมวิสัยทัศน์ของผู้นำและความคิดสร้างสรรค์ของบุคลากรหนุ่มสาวให้เกิดเป็นพลังร่วมที่สมดุล ส่งผลให้เกิดแนวคิดใหม่ ๆ ที่สะท้อนความยืดหยุ่นขององค์กรในยุคดิจิทัล การเปิดโอกาสให้นักศึกษาและตัวแทนชุมชนเข้าร่วมยังถือเป็นการขยายขอบเขตของ “ธรรมาภิบาลเชิงมีส่วนร่วม” ที่ให้ความสำคัญกับเสียงของทุกภาคส่วนในมหาวิทยาลัย

การประชุม Retreat ยังทำหน้าที่เชื่อมโยงวิสัยทัศน์ของสภามหาวิทยาลัยสู่แผนปฏิบัติการระดับหน่วยงาน โดยผลจากการประชุมปี 2567 มหาวิทยาลัยได้เตรียมจัดทำ “แผนพัฒนามหาวิทยาลัย พ.ศ. 2568–2571” โดยนำข้อเสนอแนะมาวิเคราะห์และจัดลำดับความสำคัญ พร้อมกำหนดเป้าหมาย (Goals) และตัวชี้วัดผลลัพธ์ (Objective Key Results: OKRs) ครอบคลุมด้านการเรียนการสอน การวิจัย การบริการวิชาการ และการบริหารจัดการองค์กร การมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนยังช่วยเสริม “ความโปร่งใสและธรรมาภิบาล” และส่งเสริมการสื่อสารสองทางระหว่างผู้บริหารกับบุคลากร ทำให้การขับเคลื่อนนโยบายมหาวิทยาลัยเกิด

ผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม

สำหรับคุณค่าและความคุ้มค่าที่มหาวิทยาลัยได้รับจากการประชุม Retreat อาทิ

1. เชิงยุทธศาสตร์ – มหาวิทยาลัยได้ทิศทางการพัฒนาที่ชัดเจน ครอบคลุมระยะสั้น–ยาว และสามารถนำไปบูรณาการกับยุทธศาสตร์ชาติด้านการศึกษาและการพัฒนาอย่างยั่งยืน (SDGs)

2. เชิงองค์ความรู้ – เกิดกระบวนการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้บริหาร นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ นำไปสู่การต่อยอดความรู้ใหม่ ๆ ที่สามารถถ่ายทอดสู่การเรียนการสอน การวิจัย และการพัฒนานักศึกษาได้จริง

3. เชิงสังคมและชุมชน – สะท้อนบทบาทของมหาวิทยาลัยในฐานะ “มหาวิทยาลัยเพื่อชุมชน” ที่มีพันธกิจสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมของพื้นที่

4. เชิงวัฒนธรรมองค์กร – เสริมสร้างความผูกพันระหว่างบุคลากรทุกระดับ และหล่อหลอมวัฒนธรรมองค์กรแห่งความร่วมมือ ความเข้าใจ และความรับผิดชอบร่วม

5. เชิงจิตวิทยาและการเรียนรู้ร่วมกัน – การประชุมในบรรยากาศไม่เป็นทางการมากเกินไป เปิดโอกาสให้เกิดการสื่อสารแบบเท่าเทียม เกิดแรงบันดาลใจ และส่งเสริมสุขภาวะทางใจของผู้เข้าร่วม

แน่นอนว่า การประชุม Retreat ของมหาวิทยาลัยสวนดุสิตเป็นกลไกการบริหารเชิงนโยบาย และเป็น “การลงทุนทางปัญญาและวัฒนธรรมองค์กร” ที่ให้ผลคุ้มค่าในหลายมิติ ทั้งยุทธศาสตร์การพัฒนา องค์ความรู้ และความผูกพันของบุคลากร เป็นการสร้างพื้นที่แห่งการเรียนรู้ร่วมกันระหว่างผู้บริหาร คณาจารย์ นักศึกษา และชุมชน เพื่อก้าวสู่เป้าหมายเดียวกัน คือ “การพัฒนามหาวิทยาลัยให้เป็นสถาบันแห่งการเรียนรู้ที่ยั่งยืน และเป็นศูนย์กลางพลังปัญญาของสังคม”

สำหรับการประชุม Retreat ปี 2568 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17–18 ธันวาคม 2568 ณ วิทยาเขตสุพรรณบุรี คาดว่าจะเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการต่อยอดแนวคิดและนโยบายสู่การขับเคลื่อนมหาวิทยาลัยอย่างมีเอกภาพและยั่งยืน

ข่าวแนะนำ