บอย อินชัวร์
แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของประเทศไทยและทั่วโลกในช่วงต้นปีจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์และสงครามการค้า จนทำให้เศรษฐกิจโดยภาพรวมดูเหมือนจะชะงักงัน แต่อุตสาหกรรมประกันภัยยังคงมีอัตราการเติบโตที่ค่อนข้างใช้ได้
ทั้งนี้ นายสมพร สืบถวิลกุล คือ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) อีกทั้งปัจจุบันยังดำรงตำแหน่ง ประธานสภาธุรกิจประกันภัยไทย และนายกสมาคมประกันวินาศภัยไทย ได้เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจยังมีอัตราเติบโตอยู่ที่ 3.37%
หากแบ่งตามประเภทการประกันภัย จะพบว่างานประกันภัยรถยนต์ มีการเติบโตเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 1.8% จากปัจจัยอัตราการขายรถใหม่ลดลง (ติดลบ) ส่วนประกันอัคคีภัย มีเบี้ยประกันภัยรับเพิ่มขึ้นประมาณ 3.6% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 6,370 ล้านบาท และประกันภัยทางทะเลและขนส่ง มีอัตราเบี้ยประกันภัยลดลงอย่างมีนัยสำคัญถึง 6.8% โดยมีเบี้ยประกันภัยรับรวมอยู่ที่ 3,420 ล้านบาท การลดลงนี้เกิดจากความขัดแย้งระหว่างประเทศ ซึ่งส่งผลให้การนำเข้าส่งออกชะงักงัน อย่างไรก็ตาม การลดลงนี้ทำให้ธุรกิจประกันถูกจำกัดการเติบโตไว้ที่ 6.78% เนื่องจากภาคธุรกิจได้มีการกักตุนสินค้าและสั่งซื้อของล็อตใหญ่ก่อนที่การเพิ่มภาษีของสหรัฐอเมริกา
แต่ในทางกลับกันได้มีปัจจัยบวกที่สนับสนุนธุรกิจประกันภัยกล่าวคือ ความตื่นตัวและตระหนักของสาธารณชนต่อการทำประกันภัยที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังเกิดภัยพิบัติ ความต้องการความคุ้มครองไม่ได้จำกัดเฉพาะภัยแผ่นดินไหวเท่านั้น แต่รวมถึงการคุ้มครองทรัพย์สินโดยภาพรวมอีกด้วย
นอกจากนี้ สภาพตลาดยังมีความต้องการของประกันภัยสุขภาพที่เพิ่มมากขึ้นด้วย เนื่องจากประชาชนเริ่มตระหนักว่าภาวะเงินเฟ้อทางด้านการรักษาพยาบาล (Medical Inflation) เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ต้นทุนด้านการรักษาพยาบาลสูงขึ้น แม้ว่าอัตราการเติบโตของประกันสุขภาพจะสูงในฝั่งประกันชีวิต แต่ฝั่งประกันวินาศภัยก็เติบโตด้วยเช่นกัน
ธุรกิจยังได้รับโอกาสจาก เศรษฐกิจยุคอายุยืน โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นเบบี้บูมที่เข้าสู่วัยเกษียณ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ มีความต้องการรักษาสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี ทำให้พวกเขาเต็มใจใช้จ่ายเงินเพื่อดูแลสุขภาพและการประกันภัยตรงจุดนี้มากขึ้นตามมา
ในขณะที่ธุรกิจประกันต่างเผชิญวิกฤตการณ์ประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปัญหาสำคัญที่อุตสาหกรรมกำลังเผชิญคือ การแข่งขันด้านราคาและค่าคอมมิชชันที่รุนแรง ซึ่งทำให้หลายบริษัททำกำไรได้ยากขึ้น
ปัญหานี้รุนแรงที่สุดในส่วนของรถยนต์ EV ซึ่งเบี้ยประกันภัยรถ EV ในปัจจุบันถูกระบุว่า "ไม่เพียงพอต่อความเสี่ยง" เนื่องจากมูลค่าการซ่อมต่างกันอย่างมากเมื่อเทียบกับรถยนต์ทั่วไปที่เป็นรถสันดาป เพราะอะไหล่และการซ่อมยังถือเป็นเรื่องใหม่สำหรับอุตสาหกรรม การซ่อมมักเป็นการเปลี่ยนอะไหล่ยกชิ้น ทำให้ต้นทุนสูง เช่นเดียวกับกรณีที่ต้องเปลี่ยนไฟหน้าซึ่งอาจต้องเปลี่ยนมาทั้งแผง
ขณะเดียวกันสถานการณ์ยิ่งแย่ลงจากการที่ค่ายผู้ผลิตใช้กลยุทธ์ลดราคาอย่างรุนแรง ทำให้มูลค่าของรถลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ค่าเคลมสินไหมยังคงสูงเหมือนเดิม
นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องเผชิญนั้นยังมีความเสี่ยงด้าน Moral Hazard หรือภัยที่เกิดจากการกระทำอย่างตั้งใจหรือเจตนาโดยทุจริต เพื่อหวังเงินเอาประกัน เนื่องจากรถ EV ที่ใช้ไประยะเวลา 4-5 ปี แบตเตอรี่จะเสื่อมลงมาก ราคาในตลาดมือสองอาจเหลือต่ำมาก แต่ทุนประกันภัยยังคงเหลืออยู่ (เช่น 60% หลัง 5 ปี) ทำให้ผู้เอาประกันอาจจงใจทำให้รถเป็น Total Loss (เช่น ขับลงน้ำ) เพื่อรับเงินทุนประกันที่สูงกว่าราคาตลาดก็อาจเป็นได้
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเกิดปรากฏการณ์ของการตอบสนองของอุตสาหกรรมเนื่องจากภาวะการแข่งขันที่รุนแรง จึงทำให้บริษัทประกันหลายแห่งเริ่ม ชะลอตัวหรือถอนตัวจากการรับประกันรถ EV โดยบริษัทขนาดใหญ่ เริ่มพิจารณาถอนตัวหรือลดการรับงานกันไปบ้างแล้ว
แม้ว่าจะมีการหารือในสมาคมประกันวินาศภัยไทยเกี่ยวกับความจำเป็นในการปรับอัตราเบี้ยประกันภัยให้เหมาะสมกับความเสี่ยงจริง และการพูดคุยกับผู้ผลิตเพื่อจัดทำศูนย์บริการและอะไหล่ให้ครอบคลุมก็ตามที แต่อย่างไรก็ตาม การรวมตัวกันเพื่อกำหนดกติกาอาจทำได้ยาก ตราบใดที่ผู้ประกอบการยังคงแข่งขันกันสูง
การบริหารจัดการพอร์ตของบริษัทประกันภัยหลายแห่งได้ปรับกลยุทธ์เพื่อเน้นคุณภาพงาน ในส่วนทิพยประกันภัย ได้มีการคัดพอร์ตงานที่มีความเสี่ยงสูงออกไปรวมกว่า 3,000 ล้านบาท ได้แก่ รถ EV (หายไป 500 ล้านบาท), รถซ่อมศูนย์/ซ่อมห้าง (หายไป 1,000 กว่าล้านบาท), และประกันกลุ่ม ช.พ.ค. (ช่วยเพื่อนครู) ซึ่งการตัดพอร์ตเสี่ยงขาดทุนเหล่านี้ทำให้เบี้ยรวมดูทรงตัว แต่คุณภาพงานรับประกันย่อมดีขึ้นตามมา
#ประกันภัย #ประกันภัยรถยนต์ #รถยนต์EV #ประกันรถEV #ทิพยประกันภัย #ธุรกิจประกันภัย #รถยนต์ไฟฟ้า #ภัยประกัน #เบี้ยประกัน #สมพรสืบถวิลกุล