เรียกประชุมด่วน! กรมการข้าวผนึกกำลังสหกรณ์-โรงสี สร้างกลไกชะลอขายข้าว มั่นใจยกระดับรายได้ชาวนาไทย สู้ศึกราคาตกต่ำ ปี 68/69
วันที่ 18 ต.ค.68 นายอานนท์ นนทรีย์ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ตามนโยบายของร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาราคา ข้าวเปลือก ตกต่ำอย่างเร่งด่วน กรมการข้าว จึงได้เตรียมจัดประชุมเชิงกลยุทธ์ในวันที่ 22 ตุลาคม 2568 เพื่อเร่งรัดขับเคลื่อนมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือก ปีการผลิต 2568/69 ซึ่งการประชุมครั้งนี้ถือเป็นการผนึกกำลังครั้งใหญ่ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีตัวแทนจากสหกรณ์จังหวัด สมาคมโรงสีข้าวไทย สมาคมโรงสีข้าวตะวันออกเฉียงเหนือ และโรงสีข้าวขนาดใหญ่จากทั่วประเทศเข้าร่วม เพื่อกำหนดทิศทางในการ สร้างเกราะคุ้มกันราคารับซื้อข้าวเปลือก โดยเฉพาะในช่วงที่ผลผลิตข้าวนาปีจำนวนมากออกสู่ตลาดพร้อมกันในช่วงเดือนตุลาคมถึงพฤศจิกายน
เป้าหมายสำคัญของมาตรการนี้ คือการชะลอการขายและดูดซับข้าวออกจากตลาด เพื่อลดปริมาณผลผลิตส่วนเกินในช่วงเวลาสั้น ๆ ที่ส่งผลให้ราคาถูกกดดัน โดยกรมการข้าวจะทำหน้าที่เป็นแกนกลางในการประสานงานขับเคลื่อนในสามหลักการหลักคือ 1.การขยายจุดรวบรวมและสร้างการแข่งขัน โดยจะประสานงานให้โรงสีนอกพื้นที่เข้ามาร่วมเป็นจุดรวบรวมข้าวเพิ่มขึ้น นอกเหนือจากเครือข่ายสหกรณ์และโรงสีท้องถิ่น ซึ่งกลไกนี้จะช่วย เพิ่มการแข่งขันในการรับซื้อ และยกระดับราคาข้าวที่ชาวนาจะได้รับโดยตรง 2.การหนุนโครงการสินเชื่อชะลอการขาย (จำนำยุ้งฉาง) ซึ่งจะเร่งรัดการดำเนินงานร่วมกับกรมส่งเสริมสหกรณ์ (กสส.) และ ธ.ก.ส. เนื่องจากโครงการนี้เป็นเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรสามารถ "ฝากเก็บข้าว" ไว้ก่อน และจะนำข้าวออกมาขายเมื่อราคาตลาดสูงกว่าราคาฝากเก็บ ทำให้ชาวนาได้รับส่วนต่างของราคาที่เพิ่มขึ้น และ 3.การแก้ปัญหาอุปสรรคเชิงปฏิบัติการ ในการประชุมวันที่ 22 ตุลาคม กรมการข้าวจะมุ่งเน้นการหารือกับ ธ.ก.ส. และสหกรณ์ เพื่อ ผ่อนปรนหลักเกณฑ์และเกณฑ์การพิจารณา ต่าง ๆ เช่น การขยายวงเงินสินเชื่อชะลอการขายที่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของสมาชิก รวมถึงการหาแนวทางสนับสนุน เครื่องอบลดความชื้น เพื่อแก้ปัญหาพื้นที่จัดเก็บและการแปรรูปเบื้องต้นของสหกรณ์ให้มีประสิทธิภาพ
สำหรับปีการผลิต 2568/69 นี้ สหกรณ์ทั่วประเทศได้ตั้งเป้าหมายที่ท้าทาย โดยวางแผนที่จะรวบรวมข้าวเปลือกเพิ่มขึ้นเป็น 4 ล้านตัน จากสหกรณ์ 428 แห่ง ผ่านโครงการสินเชื่อเพื่อรวบรวมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 2567/68 ที่รวบรวมได้ 3.29 ล้านตัน นอกจากนี้ กรมการข้าวยัง เตรียมพร้อมรับมือภัยพิบัติหลังน้ำลด โดยมีแผนงานสำคัญในการถ่ายทอดเทคโนโลยีฟื้นฟูดินและน้ำ รวมถึงการเตรียม สนับสนุนเมล็ดพันธุ์ข้าวพันธุ์ดี และชีวภัณฑ์ย่อยสลายตอซังแก่พื้นที่ที่ได้รับความเสียหายสิ้นเชิง เพื่อให้ชาวนาสามารถเริ่มเพาะปลูกใหม่ได้อย่างทันท่วงที ทั้งนี้ เพื่อแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืน กรมการข้าวได้รับมอบหมายให้เร่งจัดทำข้อเสนอโครงการมาตรการรักษาเสถียรภาพราคา ปีการผลิต 2569/70 ร่วมกับ ธ.ก.ส. และนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาตั้งแต่ช่วงต้นปี เพื่อให้มาตรการพร้อมก่อนฤดูกาลผลิตจริง และครอบคลุมทั้งนาปีและนาปรัง เพื่อสร้างความมั่นใจและให้ชาวนารับทราบข้อมูลล่วงหน้าอย่างทั่วถึง มาตรการเชิงรุกที่กรมการข้าวเป็นแกนกลางในการประสานงานและขับเคลื่อนนี้ จึงแสดงถึงความมุ่งมั่นของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในการสร้างกลไกตลาดที่เป็นธรรมและยั่งยืน เพื่อให้พี่น้อง ชาวนาไทย มีรายได้ที่มั่นคงจากผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพ